Friday, September 30, 2011

ตำมั่ว

Sep 30,2011
เพื่อนโทรมาหาบอกว่าคิดถึงและอยากเจอ ตกลงเรานัดเจอกัน พร้อมเพื่อนใหม่อีกคนที่อยู่อเมริกาเหมือนกันแต่อยู่กันละรัฐ และจะกลับอเมริกาวันอังคารที่จะถึง

เพื่อนแม็กถามว่าอยากจะทานอะไร ดาอยากจะกินอะไรแซ่บๆ เลยจัดการนัดเจอที่ร้านตำมั่ว หน้ามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช เมืองทองธานี

ตำมั่ว น้ำตก ลาบเป็ด ปลาทอดกระเทียม ต้มแซ่บ (รูปภาพประกอบรอปรับปรุงนะคะ)

อร่อยทุกรายการ กินไป อ้าปากไป เพราะเผ็ดมาก

แยกกับเพื่อนก็บ่ายกว่าๆ ยังไม่อยากกลับบ้าน เลยคิดว่าไปตัดผมและเก็บสีผมดีกว่า

ตัดปลายผมสั้นขึ้นตั้งเยอะ เสียดายจังเลย แต่ก็ดูเป็นทรงมากขึ้น ตั้งใจว่าจะทำสีผมซะหน่อย แต่ก็อด เลยทำสีเล็บ ตัดหนัง เก็บความสะอาดเท้า แทน

Thursday, September 29, 2011

เที่ยวกับลูกสาว

Sep 29,2011
ลูกสาวชวนแม่ไปเที่ยวเล่นไอส์สเก็ตหลังเลิกเรียนพิเศษ โดยนัดเจอกันที่ห้างสยามดิสคัพเวอร์รี่เลย และก็วางแผนต่อจะลองไปทานอาหาร Tokiya Fusion Steak ซึ่งเป็นร้านที่เพิ่งใหม่ของคุณตัน เจ้าพ่อแห่งโออิชิ  อัลล่า..ลูกสาวต้องการให้แม่ไปจ่ายเงินค่าอาหารและอยากลองทานกัน  โอเช.แม่ดาไม่มีปัญหา สบายมาก

ได้เวลาก็อาบน้ำแต่งตัว เพื่อเตรียมตัวออกเที่ยว แต่เห็นนัดที่สยามและเป็นช่วงเย็นด้วย เลยคิดว่าไม่ขับรถไปดีกว่า เพราะรถจะติดมาก ตัดสินใจนั่งแท็กซี่ไปลงที่หมอชิต และต่อด้วย BTS จะสะดวกกว่า

นั่้นไม่รอช้า...เดินออกจากบ้าน เพื่อขึ้นรถแท็กซี่ไปลงที่หมอชิตและต่อด้วย BTS ไปลงที่สยามพารากอน

ว๊าว..ได้เห็นสีสันแฟชั่น หนุ่มสาวแต่งตัวสวยๆๆ ชื่่นใจจัง.. แหมมาเดินแบบวัยรุ่นทั้งทีก็ขอเก็บภาพบ้าง

นัดเจอลูกสาวที่หน้า ICE PLANET ซึ่งอยู่ชั้น 7 ทีแรกกว่าจะเล่นกับลูกด้วย แต่เห็นบรรยากาศวัยรุ่นจ๊าบ กันทั้งนั้น แถมมีแต่เครื่องแบบนักเรียนมาเล่นกันทั้ง แม่ดาเลยขอนั่งรอดีกว่า ไม่อยากเป็นยายคนเดียวในลานไอส์สเก็ต

ระหว่างรออดใจนั่งอยู่กับที่ไม่ติด มีของล่อหลากหลาย เลยเดินเล่น มาเห็นร้านขายไอติมชาเขียวจากญี่ปุ่น นั้นขอลองหน่อย อาหร่อยมากเลย และแพงด้วย (ลูกมาบอกว่า แม่แพงมากเลย ยี่ห้อนี้ อิอิ อยากลองความใหม่ละ ต้องนั่งทานหน่อย)

เดินมาถึงชั้นที่ 6 ก็จะเจอ Madam Tussaud Thailand ไม่น่าเชื่อมี แอน ทองประสม แพนเค็ก และพี่เคน ติดตลาด เป็นหุ่นขี้ผึ้ง เทียบกับดาราโฮลีวู๊ดด้วย ดาไม่ได้ไปเดินภายในหรอก แต่ภายนอกสถานที่จัดหุ่นออกมาโชว์ให้ตั้งหลายตัว ทีแรกไม่กล้าถ่ายรูป เกรงว่าเจ้าหน้าที่จะห้าม แต่เปล่าคะ เจ้าหน้าที่มาช่วยบริการมาถ่ายให้ด้วยละ เลยมีภาพมาอวดด้วย

เมื่อถึงเวลาก็เดินกลับไปหาลูกสาวที่ลานไอส์ เพื่อพาลูกมาทานอาหารเย็นกันที่ร้าน Tokiya ที่อยู่บริเวณชั้น 2  ขอเก็บภาพเป็นที่ระลึกหน่อย โดยอาศัยพี่เจ้าหน้าที่ช่วยถ่ายภาพคู่กับลูกสาวคนสวยหน่อย




อาหารที่ร้านนี้เพิ่งเปิดตลาดได้เดือนเดียวเอง




และทำราคาแบบ Set Menu มี 8 รายการ ที่ราคา Set Menu ละ 499 บาท( NET) Appetizer, Salad ,Soup, Rice Dishes, Juice, Main Course, Desert and Drink มากมายและสามารถเลือกรายการอาหารได้ ฟังดูน่าจะกินไม่หมดนะ แต่กินกำลังพอดีสำหรับคนทานน้อย แต่ใครทานจุสงสัยจะไม่กินหรอก ดูรูปภาพกันเอาเอง

เริ่มเสริฟจานแรก

Appetizer
จะเป็นรายการบังคับห้ามเลือก Tokiya Style Eringi

Salad
Smoke Duck Salad

Soup
Lobster Bisque Soup

Rice
Aromatic Rice Dishes


เมาท์มัวรี่ Juice เครื่องตัวนี้ ร้านบังคับดื่่มเพื่อเพิ่มรสชาติอาหาร (Mulberry Vinegar Juice)



Main Course
ดาสั้ง Tokiya beef steak(ยังไม่มีภาพประกอบคะ)
Com bi Fish& Grill Chicken


Desert
Gelato Cheesecake


Milk Pala Gotta

Drink
Blue Lemon

Strewberry Soda(ยังไม่มีภาพประกอบ)

กว่าจะทานอาหารอิ่มก็ดึกเกือบสี่ทุ่ม เลยชวนกันเดินถ่ายรูปเล่นแถวหน้าห้างสยามพารากอน ก่อนขึ้นรถแท๊กซี่กลับบ้าน

(ต้องขออภัยเรื่องรูปภาพ ยังมาโชว์ไม่ครบเนื่องจากยังมีปัญหาเรื่องแผ่นอ่านการ์ดไม่ได้ ต้องหาเวลาไปซื้อใหม่ก่อน เก็บไว้จะมาปรับปรุงให้สมบรูณ์วันหลังนะคะ)

Wednesday, September 28, 2011

เดินทางกลับไทย

Sep 26,2011
ตารางเดินทางกลับไทย
Mon,Sep 26,2011 UA 3373 PHL-IAD (Washington) 10.15 am -11.19 am
Mon,Sep 26,2011 UA803   IAD- NRT                     12.23Pm - 03.15 pm
Tue,Sep  27,2011 UA 837  NRT- BKK                    06.35 pm - 11.05 pm

ตื่นแต่เช้าตั้งแต่เวลา 06.00 am เพื่ออาบน้ำแต่งตัว เตรียมตรวจสอบกระเป๋า เอกสารต่างๆ และต้องออกจากบ้านเพื่อไปรับแดดดี้และมัมมี่ไปสนามบินด้วยกัน เดินทางจากบ้านขับรถไปสนามบิน Philadelphia ประมาณ 30 นาทีได้ เมือถีงที่สนามบินแล้วก็ลากับมัมมี่ แดดดี้ก็ขับรถไปรอที่อื่น เนื่องจากที่สนามบินไม่มีที่จอดรถให้ แม็ทกับดาก็ช่วยกันเข็นกระเป๋าเดินทาง เพื่อทำการ Check in  กระเป๋าเดินทางและออกใบ Boarding Pass ดาทำการติดต่อ Coulter ของสายการบิน United Airline

Mon,Sep 26,2011 UA 3373 PHL-IAD (Washington) 10.15 am -11.19 am

ปัจจุบันนี้ ไม่มีเจ้าหน้าที่ช่วยคีย์ข้อมูลให้ ดาต้องทำรายการเองกับคอมพิวเตอร์เอง ขั้นแรกสแกน Passport ก่อน แล้วทำการใส่ข้อมูล รายชื่อผู้เดินทาง เครื่องคอมพิวเตอร์จะถามอะไรมา ก็ตอบคำถามไป และกด Comfirm by.. Yes..

เมื่อเสร็จจากคำถามแล้ว ใบ Boarding Pass ก็จะออกมาให้ จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ มายกกระเป๋าเดินทางที่ต้องการโหลดใต้ท้องเครื่องบิน ดาเดินทางมีกระเป๋าสองใบ แต่ไม่ทราบว่าสายการบินเปลี่ยนกฎใหม่ อนุญาตให้โหลดได้เพียงใบเดียว ดังนั้นกระเป๋าใบที่สองต้องจ่ายเงินเพิ่ม ในน้ำหนักเพียง 50 ปอนน์ ในราคาใบละ 70$ สามารถจ่ายผ่านบัตรเครดิตการ์ด และเงินสด กระเป๋าดาเกินน้ำหนัก ต้องถูกเปิดย้ายของมาใส่ที่กระเป๋าใบเล็กที่ต้องถือขึ้นเครื่อง

Security Check
การเดินทางภายในประเทศก็ต้องผ่านการตรวจสอบกระเป๋าเดินเช่นเดียวกัน สำหรับคนที่เคยเดินทางบ่อยคงจะทราบดีว่า บรรยากาศเป็นกันอย่างไร
แต่ก็ขอบรรยากาศสำหรับผู้ที่ไม่เคยจะได้รับทราบ
ของที่ไม่อนุญาต ให้ที่ขึ้นเครื่องจะเป็น
1.ของเหลวทุกชนิด และสบุู่ยาสีฟัน มีขนาดเกิน 150g
2.ของมีคมทุกประเภท

อุปกรณ์อิเลคทิคต่างๆ สามารถถือขึ้นเครื่องได้ และกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้ต้องเป็นขนาดเล็กได้ 1 ใบเท่านั้น มีสิ่งของที่กระจัดกระจายต้องเก็บเข้าเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น

จากนั้นก็เดินไปรอที่ Gate เพื่อรอเวลาขึ้นเครื่อง ครั้งแรกก็มีเจ้าหน้าที่มายืนรอประกาศเวลา Boarding เวลาไหน ตามตารางต้อง ขึ้นเครื่องเวลา 9.30 และออกจาสนามบินPHLเวลา 10.15 แต่นั่งรอสักระยะหนึ่งเจ้าหน้าที่ก็ประกาศว่าสายการบินจะ Delay ออกไปอีกเป็นเวลา Departure time 11.00 am ทำให้เสียเวลาไป 45 นาที



เอาละสิ หัวใจกระวนกระวายแล้ว แล้วเราต้องต่อ Flight อีกครั้งด้วย มีเวลาเหลือแค่ 13 นาที จะทำได้
เหรอ นั่งก้นไม่ติดเก้าอี้เลยละ ดาต้องเดินไปถามเจ้าหน้าที่บอกว่า "ทำได้ ไม่ต้องกังวล บางครั้งสายบินทางนั้นก็ดีเลย์เหมือนทางนี้ละ ใจเย็นๆ"

นั่งรอจนกระทั่งเวลาจวน 11.00  am ก็มีเครื่องบิน Cojet มาจอดที่งวงช้าง ก็มีผู้โดยสารเดินออกจากเครื่องบิน แป็บเดียวก็เจ้าหน้าที่ประกาศผู้โดยสารใหม่เข้าเครื่องบิน เตรียม Departure ออกจากสนามบิน

ดาก็ได้เดินเข้าเครื่องบิน ก็เจอแอร์โฮสเตรสบอกไม่ให้ถือกระเป๋าเข้าเครื่องบิน ต้องไปฝากใต้เครื่องบินอีกครั้ง ดากลัวเสียเวลารอกระเป๋าออก เนื่องจากมีเวลาต่อเครื่องน้อยมาก ทำการเถียงกับแอร์ จนกับตันต้องออกมาช่วยพูดว่า.. เสียใจมากครับ..ที่อนุญาตไม่ได้ เนื่องจาก เครื่องบินเราเป็นเครื่องบินขนาดเล็กมากไม่สามารถเอากระเป๋าเข้าเครื่องได้ ...เออ..ถอดถอนใจ ดาต้องยอมเอากระเป๋าโหลดใต้เครื่อง..เวลาก็น้อยจะต่อเครื่องทันไหมละ 13 นาทีเอง

ไม่ต้องบรรยายเลยว่า อารมย์เป็นยังงัย เครียดมาก ดาต้องต่อ Flight international ด้วย ถ้าพลาดแล้วจะทำยังงัยดีละ คิดมาก กังวลมากน่าดูเลยละ




Landing time 12.10 am สนามบิน IAD ( Washington)
เมื่อเครื่องจอดเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องเสียเวลารอบันไดคะ ยังไม่มา เสียเวลาไปอีกเกือบ 5 นาที ตอนนี้เวลาทุกนาทีมีค่ามากเลย อารมย์กระวนกระวายแล้ว ปิ๊ดขึ้นสมองเลย บ่น บ่นกันทั้งลำ ดีใจที่มีสมาชิกบ่นเหมือนกันละ..8 นาทีเองละ




ออกจากเครื่องบินได้ต้องคว้ากระเป๋าใบเล็กก่อน ต่อจากนั้นต้องออกจากตึก Ternimal A  ไปที่ตึกTernimal C ซึ่งเป็นตึก International Flight จากสนามบินนี้ต้องต่อด้วยรถไฟใต้ดินไปอีก 5 นาที  เมื่อถึงที่ตึกได้ ต้องวิ่งหา ว่าสายการ UA 803  Gate อะไร ปกติแล้วต้องดูที่สกอร์บอร์ด แต่คราวนี้ไม่มีเวลามองเองเลย วิ่งถามเจ้าหน้าที่ด่วนจะได้คำตอบที่เร็วกว่า  เมื่อได้ Gate แล้ว ได้ยินคำเดียวจากเจ้าหน้าที่ว่า RUN... RUN ดังนั้นเท้าติดสปรีดวิ่งตับแรบ ใส่สเก็ตได้คงจะดี พอไปถึงที่เกรทได้ก็เจอหนุ่มสิงคโปร์คนหนึ่งบอกว่าเหมือนกับเค้าเลย เครื่องบิน UA 803 เพิ่งออกไป ไม่รอผู้โดยสารคะ สรุปแล้วตก Flight คะ

Customer Service United Airline
เมื่อรู้ตัวว่าตก Flight แล้ว ให้ติดต่อ Coulter นี้ เพื่อหาตารางบินใหม่ หนุ่มสิงคโปร์ไปติดต่อก่อน แล้วได้ตารางบินพรุ่งนี้ ตารางบินเดียวเดียวกันกับที่ตกไฟท์ แค่เปลี่ยนวันเป็นพรุ่งนี้ ส่วนดาได้ตารางบินไปที่  Healthrow (London)  ออกจากสนามบิน IAD เวลา 10.00 pm on Sep 26,2011 ถึงสนามบินที่ London  Sep 27,2011 และต้องนั่งรอที่สนามบิน London อีก 6 ชั่วโมงเพื่อบินเข้า BKK และบินถึงประเทศไทย สายของวันพุธ ณ.เวลานั้นได้อะไรก็ต้องเอาแล้วขอให้มีเครื่องบินกลับไทยก็พอใจแล้ว เมื่อเจอหนุ่มสิงคโปร์อีกครั้งก็บอกว่าดาได้เครื่องบินไปไทย แต่น้องเค้าไม่ได้เลยแนะนำให้กลับไปติดต่อเจ้าหน้าที่ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากหนุ่มน้อยต้องบินต่อไปสิงคโปร์อีก ในที่สุดดาและหนุ่มน้อยสิงคโปร์ก็ได้เปลี่ยน Flight. อีกครั้งเป็น
Sep 26 UA 951 IAD-Los Angles  departue time 5.27 pm
Sep 26 TG 975 Los Angles-BKK departure time 11.20 pm

สรุปผู้โดยสารทั้งลำตกไฟท์กันเกือบทั้งหมด ทั้งที่มีตารางบินภายในประเทศและต่างประเทศ



Sep 26 UA 951 IAD-Los Angles .. Departure time 5.27 pm
ขั้นตอนนี้ไม่มีอะไร เพียงแค่เดินไปที่ Gate  เพื่อรอเวลาขึ้นเครื่องใหม่ ตอนนี้มีเวลาเหลือที่สนามบินนี้เกือบ 5 ชั่วโมง ก็เดินถ่ายรูปเล่นบ้างนิดหน่อย ซื้ออาหารเช้ากับกาแฟทานรอเวลาไปเรื่อยๆ แต่ภายในสนามบินนี้ไม่มีร้าน Duty ใหญ่ๆเลย มีเพียงมุมเล็กๆนิดหน่อย  นั่งว่างๆก็ซื้อเสื้อที่ระลึก Washington มา
ฝากลูกๆบ้างนิดหน่อย





ได้เวลาขึ้นเครื่องเตรียมตัวบินไปที่ LA..UA 951  Flight time 4.30 hrs.
* เครื่องบินลำเป็นเครื่องบิน Boring 777 ที่นั่งสะดวกสบายดี และมีจอทีวีอยู่ด้านหลังของที่นั่ง
*อาหารทานที่เสริฟบนเครื่อง มีแต่เครื่องดื่ม น้ำเปล่าและกาแฟเท่านั้นละ แต่มีแซนวิชขายจ่ายได้แค่ทางบัตรเครดิตเท่านั้น
* ดูหนังรอได้อย่างสบาย มี่รายการให้เลือกตามสบาย ส่วนดาเองดูหนังเรื่อง Super 8 and Midnight Paris ดูจบสองเรื่องพอดี ก็ได้เวลา Landing time

เวลาประมาณ 9.40 pm กับตันก็ประกาศว่าอีกสามสิบนาที่ก็จะ Landing ที่  LA แล้ว และมองที่กระจกยังเห็นแสงพระอาทิตย์อยู่เลย เวลาที่นี่ต่างจาก PHL 4 ชั่วโมงถอยหลัง เช่นเวลาที่ PHL 11.15 pm และ LA จะเป็นเวลา 7.15 pm

Landing at LA..Los Angles
ให้เดินออกจากตัวเครื่องบิน เดินตามที่เขียนเส้นทางนำให้ไปทาง Baggage  แต่ไม่ต้องกังวลกับกระเป๋าเดินทางที่โหลดมากับท้องเครื่อง ให้ไปรอรับที่ปลายทางที่ BKK ได้เลย
เดินออกจากตัวอาคาร Terminal 7 เพื่อไปที่ Terminal 4 ซึ่งเป็น Flight international และเป็นของสายการบิน  TG สามารถเดินไปประมาณ 15 นาที หรือนั่งรถบัสต่อไปที่อาคารก็ได้ จะเป็นรถของสายการบินที่รับผู้โดยสารไปส่งตัวอาคาร ของดาต้องไป Blue Bus A ดาเลือกที่จะนั่งบัสไป เพื่อดูบรรยากาศรอบนอกว่าเป็นยังงัยบ้าง

ถ่ายรูปด้านหน้ารถไม่ทัน ดูท้ายรถบัสไปก่อนนะคะ



เมื่อถึงที่อาคาร Terminal 4 ให้ติดต่อกับเคาน์เตอร์การบินไทยอีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนบัตร Boarding Pass ให้เป็นของ TG แต่ยังได้ที่นั่งเดิมที่ระบุมาตั้งแต่ต้นทาง ตรวจสอบ Gate ที่ต้องเดินทางหมายเลข Gate 121 ของสายการบิน TG 975  LA-BKK departure time 11.20 pm  ดังนั้นมีเวลาว่างที่สนามบินนี้อีก 5 ชั่วโมง

เมื่อได้หมายเลขที่นั่งเรียบร้อย ท้องก็เริ่มหิว สนั่นหวั่นไหว เริ่มเดินถามเจ้าหน้าที่ว่าต้องการทานอาหารร้อนมีได้ที่ไหนบ้าง เจ้าหน้าที่บอกว่าก็จะมีอยู่บริเวณชั้นสองมีหลากหลายประเภทมากกว่าด้านใน และบริเวณชั้นล่างจะเป็นร้านขายของ Duty Free เหมือนที่ประเทศไทยบ้านเรา แต่ของมีน้อยกว่ากันเยอะเลย มี่แต่ร้านขายน้ำหอม และร้านขาย Hollywood อย่างอื่นไม่เห็นมีอะไรมาก และร้านหนังสืออีกร้านหนึ่ง

ขอไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า หิวมากเลย เดินขึ้นไปชั้นสองก็เจอร้านอาหารหลายอย่าง หลายประเภท จนสายตามาเห็นร้านอาหารจีน ดาเดินแวะอาหารจีนดีกว่า หาอาหารร้อน เพราะไม่อยากท้องจะเสียในเวลาเดินทางจะลำบาก

ได้อาหารเป็นข้าวผัด พร้อมไก่ทอดซอสหวาน 8.50$ และโค๊กขวดหนึ่ง 3.50$

เรียบร้อยจากอาหาร ค่อยมีแรงเดินเล่นต่อหน่อย เลยเดินเข้าร้าน Duty Free เลยแวะซื้อของเพิ่มอีกหน่อย เมื่อซื้อให้โชว์ Bording Pass และรอรับของที่ซื้อที่หน้า Gate เวลา Departure ก่อนขึ้นเครื่อง

Security Check
เป็นการตรวจที่ละเอียดมากกว่าทุกสนามบินที่เจอ ต้องถอดรองเท้า และเข็มขัด กล้อง คอมพิวเตอร์ และอุปรณ์ทุกชนิดที่ติดตัวต้องนำออกทั้งหมด ใส่ในกระบะพลาสติก เดินผ่านเครื่องสแกนตัว ถ้ามีเสียงสัณญาณดังก็จะต้องถูกตรวจค้น และเข้าเครื่องสแกนอีกครั้ง ส่วนกระเป๋าดาที่ถือติดต่อมา เป็นอุปกรณ์กล้องบางส่วนที่ถ่ายน้ำหนักที่เกินจากกระเป๋าใหญ่  กระเป๋าถูกเปิดออก และนำแยกไปสแกนใหม่อีกครั้ง กว่าจะผ่านด่านอรหันต์ได้กระเป๋าคืนมา นานดีคะ

เมื่อเสร็จแล้วเดินไป Gate ที่ต้องเดินทางออก เมื่อเจอแล้วก็นั่งบริเวณแถวนั้น รอเวลาขึ้นเครื่อง บริเวณด้านใน มีแค่ร้านขายหนังสือเพียงร้านเดียว และแซนวิชกับเครื่องดื่มนิดหน่อย





Sep 26 TG 975 Los Angles-BKK departure time 11.20 pm
Flight time 16.40 hrs
Arrive Sep 27,2011 BKK 06.00 am


เมื่อได้เวลาขึ้นเครือง หาที่นั่งตามปกติ ดาได้ที่นั่งหมายเลข 46A เป็นที่นั่งริมหน้าต่าง ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบนั่งด้านในเลย เวลาออกเข้าห้องน้ำจะลำบากหน่อย ดาได้นั่งคู่กับสาวอเมริกัน เพิ่งเดินทางเข้าไทยครั้งแรก แต่มี Vacation ไปที่กัมพูชาสามอาทิตย์เลย เพื่อไปปีนเขากัน
TG 975 เป็นเครื่องบิน Airbus 340 มีที่นั่งแบบ 2-4-2  ที่นั่งจะเล็กมากเมื่อเปรียบเทียบขนาดที่นั่งของ Boring 777 แต่ต้องยอมรับการบริการของการบินไทย  บริการดีมาก

เมื่อ Take off  จากสนามบิน และบินได้ระยะเวลาหนึ่ง Cabin Crew ก็เริ่มทำการเสริฟเครื่องดื่มแรก และอาหารเย็นมื้อแรก จะมีเมนูอาหารให้เลือก ระหว่างผัดไทยปลาแซลมอลย่าง และเมนูไก่กอร์ดองเบลอ ข้าวอบเนยกับผักบรอคโคลี่ แครอท คู่กับขนมปัง เนย ขนมหวาน กับชาและกาแฟ



ส่วนตัวดาสั่ง ผัดไทยปลาแซลมอลย่าง ว๊าว กินอิ่มที่สนามบินแล้ว เลยทานได้แค่ปลาแซลมอลย่างเองละ

เมื่อกินอิ่มได้สักพักก็ได้หลับไปหน่อย แต่ต้องตื่นเพื่อเข้าห้องน้ำ ลำบากจัง กลับมาก็นอนต่อไม่หลับ เลยเปิดทีวีดูหนัง ดาดูได้หลายเรื่อง
* Bridemaide เป็นหนังเกี่ยวกับเพื่อนเจ้าสาวที่โกราหล
 *Soured Code ที่หนุ่มทหารชิคาโก้ที่เข้ามาพัวพันเรื่องที่วางระเบิดรถไฟ เพื่อช่วยราชการสืบหาผู้วางระเบิด

ก็ได้เวลาเสริฟอาหารมื้อที่สอง เมนูเป็นไข่กวนซอสครีมสมุนไพร ไส้กรอก มันฝรั่งแฮชบราวน์ มะเขือเทศ หรือ บะหมี่ผัดไก่และเห็ด  ขนมปัง ชาและกาแฟ

เมื่อทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็ดูหนังรอได้อีกสองเรื่อง

*Something Borrowed  เพื่อนเจ้าสาวที่ไปตกหลุมรักคู่หมั้นเพื่อนตัวเอง
*Fast Five หนุ่มนักโทษท่แหกคุกมา และปล้นรถ แต่ภายหลังก็ช่วยทางราชการค้นหาเจ้าพ่อมาเฟียค้ารถข้ามชาติ


จนเวลา 2.30  pm Sep 27,2011 ก็เริ่มเสริฟอาหารเช้าเป็นมื้อที่สาม เมนูอาหารครั้งนี้มีเมนูเดียว วุ้นเส้นผัดไข่ใส่กุ้งเห็ดหูหนูทานกับข้าวสวย ขนมหวานมินิเค็ก ขนมปังชาและกาแฟ

เวลา 3.16 pm Sep 27,2011 เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จได้สักพัก ก็ได้ยินกับตันประกาศว่า ได้บินเข้าสู่ประเทศไทย บินอยู่ที่ระดับ 40000 ไมล์ อีกประมาณ 45 นาที ก็จะนำท่านเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ

สั่งอีกสักพักก็ได้ยินกับตันประกาศว่าเข้าสู่สนามบินแล้ว จะนำเครื่องเข้าจอด
Landing time 4.00 pm Sep 27,2011
BKK time 06.00 am Sep 28,2011

สวัสดีประเทศไทย

จากนั้นก็ทำการ Immigration ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และก็เดินไปรับกระเป๋าที่สายพานหมายเลข 22  ดีใจจังที่เจอกระเป๋า นึกว่าจะต้องตามล่าหากระเป๋าอีก เมื่อได้รับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว ให้เดินออกช่องทางสีเขียว ที่ไม่ต้องสำแดงอะไร ถ้าเราไม่มีของเกินตามที่กำหนดไว้ ถือเงินเข้าประเทศได้ 20000$ (ทราบจากแอร์โฮเตรสประกาศบนเครื่องบิน แต่เท่าที่ทราบตามกฎของ Immigration อเมริกา สามารถถือเงินออกนอกประเทศไทย ได้เพียง 10000 $ เท่านั้น) เหล้าได้หนึ่งขวด และบุหรี่ได้หนึ่งแคตตอน ผักผลไม้ต่างๆห้ามหมด

กว่าจะออกจากสนามบินก็เกือบ 6.40  am ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 40 ชั่วโมง

กลับบ้าน
เดินทางใช้บริการแท๊กซี่่สาธารณะ ซึ่งหาได้บริเวณชั้นล่างของสนามบิน เป็นค่าบริการตามมิเตอร์ บวกค่าบริการสนามบิน 50 บาท ไม่รวมค่าทางด่วน อย่าลืมจ่ายทิปบ้าง ส่วนรถมูลิซีน ของ AOT จะอยู่ชั้นเดียวกันกับผู้โดยสารขาออกติดต่อใช้บริการได้ แต่ดาเลือกใช้บริการแท๊กซี่สาธารณะ เนื่องจากดายกเลิกคนรับที่ปลายทางไว้ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองถึงไทยวันไหนกันแน่ แต่ก็สะดวกนะคะการบริการแท๊กซี่บ้านเรา

ถึงบ้านก็เวลา 07.28  am ไม่เจอหน้าลูกสาวเลยเพราะลูกติดสอบที่โรงเรียน ยกเว้นลูกชายนอนรอที่บ้าน
ได้กอดลูก หอมแก้มลูก มีความสุขมาก เกินคำบรรยาย จนหายเหนื่อย เจอหน้าลูกสาวทั้งสองก็ตอนเย็นหลังเวลาเลิกเรียนและสอบ กอด หอม อย่างมีความสุข

Sunday, September 25, 2011

Halloween

Sep25,2011
จะไม่อยู่บ้านหลายอาทิตย์ เลยต้องเตรียมซื้ออุปกรณ์มาร่วมฉลองวันฮาโลวีนก่อน เพราะรู้ว่าแม็ทคงจะไม่เตรียมอะไรแน่นอน จัดการปักและตกแต่งซะหน่อย ซื้อมาสามตัว 5$ ซื้อแบบประหยัด แต่เอาร่วมเทศกาล




แม่มดตัวนี้ น่ารักมาก 2.50$


พอตกดึกแม็ทชวนมานั่งหน้าบ้าน และชวนถ่ายรูปก่อนเดินทาง เพราะแม็ทรู้ว่าดา ไม่ได้อยู่ร่วมเทศกาลฮาโลวีน



วันเกิดลูกสาวให้โชค

Sep 26,2011
วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดลูกสาวคนเล็ก แม่ไม่มีอะไรจะให้เป็นของขวัญมากมาย นอกจากความรักท่วมอกของแม่ที่จะมอบให้ และเดินทางไปหาลูกในวันเกิดพอดี แต่ถึงที่ไทยก็คงจะเลยวันเกิดไปแล้ว

HaPPy BirthDay to YoU
YoGurt
A million Love
Mom' da




และเมื่อสองวันก่อนแม็ทก็มาขอเลขเพื่อไปซื้อ Lottery ดาเลยจัดการเลขให้ 2, 4, 9, 6 ,5 และ 26 แม็ทก็จัดการไปซื้อ และถูก Powerball ด้วยละ ดีใจและตลกดี แม็ทซื้อไม่เยอะหรอก ซื้อแบบเล่นสนุกไปวันๆ



ไปแลกเงินที่ร้านมาวันนี้ ได้ตั้ง 14$


แม็ทเลยฝากเงินที่ถูกไปให้ลูกสาวเป็นของขวัญวันเกิดแบบพิเศษเพิ่มเติม
ดาเลยแกล้งแหย่ว่า ทำไมงวดนี้ไม่ซื้อเยอะๆละ จะได้เงินเยอะๆ 
แม็ทบอกว่า ซื้อแบบสนุกและไม่หวังที่จะถูก 

Saturday, September 24, 2011

กลับไทยเยี่ยมบ้าน

Sep 24,2011
ตั้งแต่ย้ายตัวเองมาอยู่อเมริกาก็จะเกือบ 9 เดือนแล้ว เหลือเวลาอีกสองวันก็จะเดินทางกลับไทยเยี่ยมครอบครัวครั้งแรก ดายังไม่ได้ทำอะไรเลย ทุกอย่างที่เตรียมซื้อไว้ ก็กองเก็บไว้ที่ห้องนอน 

วันนี้ก็ได้ฤกษ์ยามวันว่างสักที จัดการเตรียมยกกระเป๋าเดินทางสีแดงใบเปล่ามาชั้นล่าง และยกของแต่ละรายการจากห้องนอน ทะยอยยกย้ายลงมาชั้นล่าง วิ่งไปวิ่งมา เห็นของกองอยู่กับพื้นอยากเป็นลม มากมายจริง มีแต่ของฝากญาติ พี่สาว ลูกสาว ลูกชาย และแม่ เต็มไปหมด
















รายการยาแคลเซี่ยม และ Fish Oil ช่วงนี้เห็นกำลังมีโปรโมชั่นซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง และเป็นขนาดเดียวกันด้วย พี่สาวเลยฝากซื้อเพียบ ที่เมืองไทยขวดหนึ่งแพงมากเลยละ ราคาประมาณ 850 บาท


บิลที่จ่ายไปทั้งหมด

มัมมี่ฝากของไปให้หลานสาวที่ไทยสองชิ้น


จัดการจับสิ่งของต่างๆ ยัด เรียงใส่กระเป๋าเดินทาง เตรียมตัวรอวันเดินทาง


อุปกรณ์กล้องต่างๆใส่กระเป๋าใบนี้ไปละ



รายการต่างๆยังไม่ได้รวมรวมของใช้ส่วนตัวลงกระเป๋าเลย กระเป๋าก็เต็มไปค่อนใบแล้ว

ยังเหลือรายการโทรศัพท์ Iphone ต้องหิ้วไปให้ลูกชาย เลยให้แม็ทพาไปที่ร้าน Apple shop มา
สอบถามหา Iphone5 ที่เมืองไทยออกข่าวว่าจะวางตลาด ช่วง 7 ตุลาคมนี้ ส่วนที่ Apple Shop ในอเมริกาให้คำตอบว่า ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ว่าจะวางตลาดเมื่อใด และราคาเป็นเท่าไหร่ ทั้งที่ดาก็ถามว่าเห็นออกข่าวว่าจะวางตลาดแล้ว ทางคนขายแจ้งว่าให้ตอบสอบที่ Appleshop.com เท่านั้น อย่าเชื่อถือกับข่าวใน Google  สรุปว่าไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม แถม Iphone4 ราคาที่นี่ก็ไม่ยอมลงให้ ราคาเดิมทั้งหมด ทั้งที่เป็น Iphone4  white and black แถมถ้าซื้อแบบ without Plan ทางผู้ซื้อต้องเสียค่า unlock อีก 47$ โอ้โหอยากจะเป็นลม


Sep25,2011
มัมมี่แวะมาหาที่บ้านและฝากของขวัญไปให้ลูกชาย บอกว่ารู้สึกไม่ดีเลยที่ไม่มีไปให้ รีบเอามาให้เป็นเสื้อเชิ๊ตตัวหนึ่ง และการ์ดหนึ่งใบ


My photo
ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ ยังมีโมหะ โทสะ โลภ โกรธและหลง เหมือนกับคนอื่นๆ แต่ทุกลมหายใจ ณ.เวลานี้ มีแต่วันนี้และพรุ่งนี้ คิดดี ทำดี และเป็นกัลยาณมิตรที่ดี สร้างกุศลให้ลูกหลาน