ESL ย่อมาจาก English as a Second Language
เป็นคลาสเรียนที่สอนสำหรับคนที่
การเรียน มักจะสอนครอบคลุมทุกskill ทั้ง ฟัง พูด อ่าน เขียน และ Grammarค่ะ
มีกันตั้่งแต่ระดับ Basic ถึงขั้นสอนอ่าน A B C ไปจนถึง ระดับสูงที่เจ้าของภาษาเค้าเรีย
... (level ต่างๆ จะอธิบายเพิ่มในหัวข้อล่างๆต่อไ
Q:หาที่เรียนใกล้บ้านได้อย่างไร
เริ่มจากหาที่เรียนก่อนนะคะ วิธีง่ายๆสองวิธีนะคะ
googleเลยค่ะ key word ก็ใส่คำว่า
ESL in … หรือ ESL class .. หรือ Adult school … แล้วตามด้วยที่อยู่ค่ะ
วิธีนี้ง่ายสุด หาเจอแน่นอน และ เข้าไปดูเวปไซด์ของทางโรงเรียนไ
อีกวิธีคือ ไปที่ห้องสมุดใกล้บ้านค่ะ เค้าจะมีพวกโบรชัวร์หรือแคตตาลอ
ถ้าแถวบ้านมี high school หรือ รร.ระดับชั้นต่างๆ เด็กเล็กเด็กโต ลองไปถามดูค่ะ
บางที่ก็มีคลาสเปิดสอนเช่นกัน อย่างแถวบ้านเรา ก็เป็นครูจาก community collegeนี่หล่ะ
มาเปิดสอน off campus ส่วนมากเป็นภาคค่ำ และอาจไม่มีคลาสหลากหลายให้เลือ
แต่ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ลองไปสอบถามตามโบสถ์ก็มีนะคะ แต่คงไม่ได้มีคลาสเรียนที่หลากห
Q:เอกสารใช้อะไรบ้าง
เรื่องเอกสารนี่ตอบยากมากเลยค่ะ
บางที่ไม่ต้องการอะไรเลยค่ะ ไม่ขอดูบัตรใดๆทั้งสิ้น บางที่ต้องการ ssn และ/หรือ ID card ค่ะ
Q:เรียนที่ไหนดี ระหว่าง Adult School หรือ Community College
อันนี้ต้องเปรียบเทียบกัน และพิจารณาเองว่า คุณต้องการแบบไหนนะคะ จะเปรียบเทียบให้เห็นเป็นข้อๆนะ
“ค่าเรียน”
มาว่ากันที่ปัจจัยหลักก่อนเลยค่
Adult School
ส่วนใหญ่จะเรียนฟรีค่ะ หรือไม่ก็จ่ายถูกมากๆ คิดกันเป็นเทอมละไม่กี่สิบเหรีย
เรียกว่า เรียกนร.ให้ไปเรียนกันสุดฤทธิ์ห
Community College
ค่าเรียนของcollege จะแพงกว่าAdult Schoolนะคะ และส่วนมาก จะคิดตามหน่วยกิตค่ะ
บางcollege และ/หรือ บางรัฐ จะมีค่าเรียนเรทเดียวค่ะ
แต่บางรัฐ บางcollege จะแบ่งค่าเรียนเป็นสองrateนะคะ
Resident Rate สำหรับคนที่อยู่อาศัยในรัฐนั้นๆ
อันนี้เค้าต้องการให้ประชาชนในท้
Non-resident rate คือ คนที่อาศัยอยู่ในรัฐนั้นๆ ต่ำกว่า 1year 1day นะคะ จะต้องจ่ายค่าหน่วยกิตเพิ่ม แพงกว่า resident
ส่วนแพงกว่าเท่าไหร่ก็ต่างกันไป
(ยกตัวอย่างที่เราเรียนอยู่ non-resident จะต้องจ่ายเพิ่มหน่วยกิตละ $200ค่ะ วิชานึง 3-5หน่วยกิต
ก็คูณกันเอาเองนะคะ ว่าต้องจ่ายแพงกว่าเท่าไหร่)
( ส่วนมาก International student ก็จ่ายเรทเดียวกับ non-resident นะคะ)
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น college ก็มีทุนการศึกษาให้กับคนที่รายไ
หรือสมัครทุนอื่นๆเป็นเงินจำนวน
เนื้อหา หรือ level เรียนอะไรบ้าง
ก่อนจะเรียน หลังจากที่เราสมัครแล้ว ส่วนมากทางโรงเรียนจะให้เราสอบวั
หรือที่เรียกกันว่า placement test กันก่อนเลยค่ะ การสอบ เราทำให้เต็มความสามารถของเรา
เพื่อที่เราจะได้เรียนในระดับที่
ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องแอบดูคนข้างๆ เอ๊ย ไม่ต้องกังวลว่าจะได้คะแนนเท่าไ
เนื้อหา บางรร.จะแบ่งเป็นskillไปเลย ฟัง พูด อ่าน เขียน Grammar ส่วนมาก ฟังและพูดจะเป็นห้องเดียวกัน
แต่บางที่อาจมี skil lอื่นๆแบบผสม
Adult School ส่วนมาก จะไม่ได้มีหลาย level หรือแบ่งแยกประเภทตาม skill หรือมากห้องเรียนนักนะคะ
เคยเจอบางที่เป็นห้องเรียนผสม เอาสอง level มาเรียนรวมกันก็มี เพราะจำนวนนร.ที่น้อยนั่นเอง
ส่วน College ส่วนมาก จะมีห้องเรียนที่มากกว่า หลากหลายกว่าให้เลือกเรียนค่ะ
แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ควรสมัครเรียนแต่เนิ่นๆ เพราะชั้นเรียนจะเต็มเร็วค่ะ
มีทริคนิดนึงว่า ถ้าชั้นเรียนไหนที่เราจะลงมันเต็
นร.มักจะหายไปอย่างลึกลับ อุ๊ย ไม่ใช่ คือมักจะมีนร.ที่จู่ๆก็เลิกเรีย
เก่งเฉพาะด้านแล้ว เลือกเรียนบางskill ได้ไหม
ส่วนใหญ่จะได้นะคะ หลายๆที่ เปิดให้นร.เลือกเรียนได้ตามใจชอ
แต่ส่วนมาก เวลาที่คุณสอบ placement testแล้ว ผลเทสต์จะบอกเลยว่าคุณแข็ง หรืออ่อน skill ไหน
บางที ฟังพูด อาจได้ Level สูง เพราะหัดอยู่ทุกวัน แต่แกรมม่ากับเขียน อาจได้ Level ที่ต่ำกว่า ก็เป็นไปได้เช่นกันค่ะ
บางคนอาจเก่งในบางskill แล้ว แต่บางด้านอาจต้องการเพิ่มนะคะ เช่น ฟัง พูด เราอาจหัดทุกวันที่บ้านกับแฟน หรือ ญาติๆ
แต่ว่าการไปเรียนเนี่ย จะสอนลึกไปถีงการหัดพูดที่ถูกต้
คลาสนี้ เราว่าจำเป็นสำหรับคนที่คิดจะเร
ส่วน writing ก็แนะนำเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะคนที่จะเรียนต่อในระดับ
การเรียน writing ก็จะได้เรียน Grammar ไปในตัว หรือบางที่่อาจรวบสองวิชานี้ไว้
บรรยากาศในห้องเรียน คนสอน เพื่อนร่วมห้อง สถานที่เรียน
Adult School มักจะเป็นรร.เล็กๆ บรรยากาศและคนเรียนก็ไม่ได้สมชื
อย่า คิดว่าไปเรียนadult schoolแล้วจะเจอแต่คนแก่ๆหรือผู
เพราะที่ Adult Schoolเนี่ย มักจะมีฟรี child careบริการไว้ด้วยค่ะ บรรดาคุณแม่ก็จะชอบมาเรียน เพราะมีคนช่วยเลี้ยงลูกให้ ระหว่างที่เรามาเรียนค่ะ
จะว่าดีก็ดีนะคะ แต่ว่า ตรงนี้จะมีผลเสียกับเพื่อนร่วมห
แม่บางคน อยากให้ลูกได้เข้า child care เพราะเค้าจะมีสอนหลายๆอย่างให้เ
เช่นสอนร้องเพลง สอนวาดรูป พูดง่ายๆ pre school กลายๆนี่หล่ะ คุณแม่อยากให้ลูกได้เรียน เลยต้องพาตัวเองมานั่งในห้องเรี
บางคน ก็ดี ถือโอกาสนี้ให้ตัวเองได้เรียนรู
แต่บางคนไม่ใช่ค่ะ เค้าแค่มานั่งเล่นๆ ฆ่าเวลาเท่านั้น ถ้านั่งเงียบๆก็ดีไป แต่ถ้าไม่สนใจเรียนแล้ว ทำความรำคาญให้เพื่อนร่วมห้อง
เช่นคุยกัน คุยโทรศัพท์ อันนี้เราที่ต้องการจะเรียนอย่า
อีกเรื่องที่นร.Adult schoolมักจะเป็น คือ เขิน อาย หรือไม่ค่อยอยากจะพูดจะคุย หรืออ่าน
เวลาที่คนสอนให้เราฝึกสนทนาจับค
บาง ที่ แทนที่จะจับคู่หัดสนทนากับเรา ก็ดันชวนคุยซะงั๊น หรือไม่ได้สนใจหัดจริงจัง แต่หันไปคุยภาษาบ้านเกิดตัวเองก
แทนที่จะได้หัดภาษาอังกฤษ กลับไม่ได้หัดซะนี่
(อันนี้เล่าจากประสบการณ์ที่เจอ
มาดูทาง College กันบ้าง college จะเรียนจริงจังกว่า Adult School เยอะค่ะ
จะขาดเรียนเป็นว่าเล่นแบบ Adult School ก็ไม่ได้นะคะ จะโดนเรียกไปตักเตือนกันเลย
หรือไม่ก็ถีงขั้น dropไปค่ะ เรื่องเรียน เรื่องการบ้าน จะเป็นการเป็นงานกว่ากันเยอะค่ะ
class mate ก็มีหลายวัยเช่นกันกับ Adult School นะคะ
แต่ว่า จะหลากหลายกว่าตรงที่ นร.ที่Adult School ส่วนมาก พื้นฐานการศึกษาจะมีกันมาน้อยค่
แบบชนิดที่ว่าบางคน เคยเรียนหนังสือมาแค่ไม่กี่ปีจา
บางคนจบป.ตรี หรือ โท มาจากประเทศเกิดเค้ากันแล้วก็มี
(อันนี้อย่าเพิ่งหาว่าเราดูถูกค
นร.ที่มีพื้นฐานการศึกษามาน้อย จะเข้าใจอะไรยากค่ะ เวลาเรียน คนสอนจะเสียเวลาค่อนข้างมาก
ใน การทำให้เค้าเข้าใจสิ่งที่พยายา
ตรงนี้เนี่ย ครูที่เคยสอนเค้าบอกเรามาเองว่า
แล้วพอต้องมานั่งเรียนเป็นภาษาอั
นร.ที่ college ส่วนใหญ่จะตั้งใจเรียนกันมากค่ะ
เช่น มี counselor ให้เราได้ปรึกษาเรื่องเรียน และหลังจากเรียน ESLจบแล้ว เราก็ต่อยอดเพื่อเรียนอื่นๆได้
เ
สำหรับคนที่คิดว่า จะมาเรียนต่อ เอา degree ที่อเมริกา ไม่ว่าจะเป็น AA/AS degree ป.ตรี ป.โท หรือ สาขาอาชีพต่างๆ ก็ดี
การ มาเรียนESL ปูพื้่นฐานไว้ จะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองมากๆ
จากประสบการณ์ตรงที่เรียน ESL มาร่วมๆ สองปีเศษนะคะ บอกตรงๆว่า ภาษาอังกฤษได้พัฒนาไปมาก
เพื่อนๆสามี ออกปากแทบทุกคนว่า ภาษาเราตอนนี้ดีขึ้นกว่าตอนมาให
เราได้พัฒนาทั้งฟังพูดอ่านเขียน
แต่จากที่ไปเรียน writing class มาสองคลาส พบว่า จากที่เคยเขียนเป็นประโยคสั้นๆ ยังเขียนแทบไม่ออก
ตอนนี้เขียน Essay เป็นเรื่องเป็น
ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกันว่า
ปล. เล่าจากประสบการณ์ และที่เรียนอยู่ใน CA นะคะ แต่ละรัฐและแต่ละที่อาจมีแตกต่า
แต่หลักๆแล้ว จะเหมือนๆกัน ตามที่ให้ข้อมูลในกระทู้นี้นะคะ
ก็รวบรวมจากที่อ่านประสบการณ์เพื่อ
ที่มาข้อมูล...โจโจ้
ข้อมูลนี้ดีค่ะพี่ดา แต่ว่าอ่านไม่จบนะ ง่วงไว้จะมาอ่านใหม่
ReplyDeleteขอบคุณข้อมูลจากคุณ DaDaLove มากเลยค่ะ เพราะกำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่พอดี ตอนนี้อยู่ CA เหมือนกันค่ะ กำลังจะไปทดสอบความรู้อาทิตย์นี้แล้ว หรือไม่เกินอาทิตย์หน้าค่ะ แฟนจะพาไป กังวลอยู่เลย พออ่านนี่แล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะ....ขอบคุณเกร็ดความรู้ดีดีที่นำมาเสนอนะคะ
ReplyDelete