วันนี้อากาศดี มีแสงแดดแต่เช้า หลังจากที่มีฝนตกติดต่อกันหลายวัน รู้สึกครื้มๆกับวันว่างวันเสาร์เช้า พอเห็นเดือนนี้แล้วก็อดนึกถึงลูกสาวคนเล็กไม่ได้ และก็อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดลูกแล้ว..Sep26...เวลาเผลอไปแป็บเดียวเอง ลูกคนเล็กก็อายุจะครบ 15 ปีแล้ว ช่างรวดเร็วอย่างนี้ นึกถึงเมื่อสมัยที่แม่ตั้งท้องลูกคนนี้ ท้องแม่ขยายใหญ่มาก เหมือนอุ้มแตงโมติดหน้าท้องตัวเองตลอดเวลา นั่งทีก็หายใจไม่ทั่วท้องอึดอัด เพราะความที่ท้องขยายมาก และวันหนึ่งก็รู้สึกว่า ท้องลั่นเป็นยังงัย ผิวหนังที่หน้าท้องลั่นเปี๊ยะ ๆๆ เหมือนเวลาที่เราผ่าแตงโมออก และเปลือกแตงโมจะวิ่งเปี๊ยะๆอัตโนมัติ จะมีความรู้สึกเหมือนเช่นเดียวกันเลย ณ.เวลานั้น
และแล้วเวลาที่อุ้มท้องก็ครบเก้าเดือน วันนั้นเป็นเวลาที่นัดตรวจกับหมอครั้งสุดท้าย และหมอก็บอกว่าปากมดลูกเปิดแล้วนะ สองเซ็นต์ได้ แม่เลยขออนุญาติหมอกลับบ้านก่อนเพื่อไปเก็บของและจะกลับเข้ามาคลอดใหม่ตอนดึก ที่แม่ทำอย่างนี้ได้ เนื่องจากโรงพยาบาลที่คลอดลูก คือโรงพยาบาลวิภาวดี ซึ่งไม่ห่างไกลจากบ้านมากนะ ท้องเนี่ยเป็นท้องสามแล้ว เลยมีประสบการณ์หน่อยว่าต้องจัดการตัวเองอย่างไรบ้าง
เมื่อเก็บของเสร็จก็กลับมานอนที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอด จนฟ้าสางของวันใหม่ แม่ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเจ็บท้องตุ่ยๆ เหมือนกับพร้อมที่จะคลอดแล้ว นางพยาบาลก็เตรียมเข็นแม่เข้าห้องรอคลอดโกนขนที่เกะกะทั้งหมดออก เข็นขึ้นเตียงตั้งขาหยั่ง เวลาเจ็บท้องมันแสนทรมานเกินคำบรรยายว่าเจ็บท้องใกล้คลอดอย่างไร ตัวช่วยของแม่ที่ดีที่สุด คือการบล็อกหลัง แม่ขอหมอช่วยฉีดบล็อกหลังให้หน่อย แม่เจ็บมาก โรงพยาบาลเอกชนก็บริการดี ไม่หวงยา ขอปุ๊บก็มีหมอเฉพาะทางวิสัญญีมาหา จัดการบล็อกหลังให้ ทิ้งเวลาสักระยะหนึ่ง ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองปวดท้องเหมือนกับปวดถ่าย แม่แจ้งกับนางพยาบาล สักพักเดียวก็มีหมอและนางพยาบาลวิ่งมาหาเพียบ หมอสั่งตั้งขาหยั่งอีกครั้ง เริ่มปฏิบัติหน้าที่ แม่ทำตามคำสั่งหมอทุกประการ หมอก็เริ่มลงมือกรีดที่ปากมดลูก ก้นแม่ก็กระดิบซ้ายที และหมอก็ชะงักมือหน่อยพร้อมกับมองหน้าแม่ แต่ก็ลงมือกรีดที่ปากมดลูกอีกครั้ง ก้นแม่ก็กระดิบขวาอีกครั้ง จนหมอสงสัยว่าทำไมแม่ถึงมีความรู้สึก ...จะรู้ไหมละก็แม่รู้สึกเจ็บนะก้นถึงกระดิบไปกระดิบมา..หมอถึงสั่งเรียกหมอวิสัญญีมาอีกครั้ง สั่งบล๊อกหลังเพิ่มอีกเข็ม เจ็บท้องก็เจ็บ ลูกก็อยากจะออกมาชมบรรยากาศภายนอกแบบหลุดมาได้คงจะวิ่งออกมาแล้ว แต่ประตูบ้านหลังไม่เปิดซะที......
และแล้วแม่ก็โกร่งก๋งหลังค่อมอีกครั้งเพื่อบล๊อกยาที่ไขสันหลังเพิ่ม คราวนี้ละร่างกายแม่ชาและตัวหนักอย่างหิน ไม่มีความรู้สึกที่ขยับเขยื้อนได้เลย แต่คราวนี้เป็นครั้งแรกที่คลอดลูก ที่แม่มีความรู้สึกตัวตลอดและสายตาตัวเองได้แต่จ้องมองกระบวนการคลอดตลอดเวลา แบบเห็นว่ามีเลือดเปื้อนที่มือหมออย่างมากมาย ทุกฝีมือมีดที่กรีดปากมดลูก ทุกความรู้สึกที่ต้องเบ่งท้องเพื่อให้ลูกคลอดออกมา..ตามจังหวะที่นางพยาบาลสั่งให้เบ่ง เอ้า 1 2 3 เบ่ง จวนแล้ว..จวนออกแล้ว นางพยาบาลพูดตลอด... เอ้า 1 2 3 เบ่ง อีกครั้ง...ในที่สุดลูกสาวน้อยน้ำหนัก 3210 กรัม ก็ร้องอุแว้พร้อมกับสายสะดือที่เปื้อนเลือดแดง...ลูกสาวคนเล็กที่น้ำหนักตัวไม่เล็ก...
นางพยาบาลจัดการกับคลาบเลือดต่างๆและห่อตัวลูกเรียบร้อย ก็ส่งลูกน้อยมาให้แม่เชยชมให้เห็นใบหน้า พร้อมบอกว่า ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะคุณแม่ได้ลูกสาวและน้ำหนักแรกเกิด 3210 กรัม
อ่านแล้วมีความสุขจัง นึกถึงแม่โอ้ท สองท้อง คนโตไม่ยอมออก ไม่กลับหัวจะออกปากต้องผ่า หมอถามพ่อว่า เลือกใครแม่กับลูก เพราะเปอร์เซ้นต์ครึ่งๆๆ ส่วนคนเล็กน้องสาวเจ้านี้จะออกก่อนกำหนด หมอก็ต้องผ่าพุงแม่อีก...
ReplyDeleteปล.หมอวิสัญญีไม่ใช่เหรอพี่ เอหรือว่าวิสัชนี ชัก ไม่แน่ใจ เดี๋ยวหาข้อมูลก่อนนะ
ดีใจจังที่สร้างสุขให้โอ็ทได้บ้าง..อยากให้ลูกๆทั้งหลายรู้ว่า แม่เจ็บท้องเป็นยังงัยกว่าจะคลอดลูกแต่ละคนได้ แม่รักลูกทุกคนนะละ
ReplyDeleteสงสัยคำ หมอวิสัญญ๊จะถูกนะโอ็ท พี่เขียนและนึกผิดอีกแล้ว ขอบคุณคะที่มาบอก เดี๋ยวจะเข้าไปแก้ไขคะ