Monday, April 9, 2012

วันเกิดลูกชาย

Apr 9,12
เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจัง เผลอแป๊บเดียบลูกชายคนโตก็อายุ 19 ปีแล้ว มองหน้าลูกตอนนี้คงจะเป็นหนุ่มเต็มตัว จากหน้าที่ขาวสอาดเกลี้ยงเกลา ผิวพรรณแบบเด็กไร้เดียงสา คงจะเริ่มแตกความเป็นหนุ่มหล่อสมาร์ทเต็มที่ เส้นผมบริเวณเหนือมุมปากคงจะเริ่มมีบ้างแล้ว เส้นที่แบบบางเบาไรไร คงจะเริ่มมีสีเข้ม สัญญลักษณ์ของความเป็นหนุ่ม อืม..ลูกชายแม่คงจะเป็นหนุ่มแล้วจริงๆนะ

กลับมานั่งคิดถึงสมัยที่อุ้มท้องลูกชายคนแรกของความเป็นแม่ เมื่อรู้ตัวเองว่าตั้งท้อง ก็ดีใจระคนกับความกังวล ว่าตัวเองจะเป็นแม่ต้องทำตัวอย่างไรบ้าง เพราะที่บ้านไม่มีใครคอยให้คำแนะนำการดูแลคนท้องต้องปฏิบัติตนเองอย่างไร ทางแก้ก็จัดการวิ่งหา และศึกษาข้อมูลหมอ เพื่อทำการฝากท้องที่ไหนดี จำได้ว่าเพื่อนแนะนำให้ไปฝากท้องที่โรงพยาบาลบำรุงราษณ์กับคุณหมอท่านหนึ่ง ขออนุญาติไม่ระบุนามคุณหมอนะคะ แต่อยากจะบอกว่าได้รับการดูแลที่ผิดหวังโดนสิ้นเชิง นั่งรอพบแพทย์เกือบสามชั่วโมง แต่มีโอกาศคุยกับหมอไม่ถึงห้านาที ก็จัดยาบำรุงและไล่กลับบ้าน ให้มาพบแพทย์ใหม่เดือนหน้า

แต่ความเป็นแม่มือใหม่ที่ไร้เดียงสา อ่อนหัดทุกเรื่องมีความกังวลสูง ไม่ยอมออกจากห้องแพทย์เลย ตั้งคำถาม เกี่ยวกับเรื่องที่สงสัย ต่อเวลาออกไปอีกเกือบยี่สิบนาทีได้  เก่งนะคะที่ถามได้ข้อมูลหายกังวลมาเยอะ

ที่บอกว่าไม่ประทับใจเลย เพราะหน้าหมอบอกบุญไม่รับเลย แต่ก็ตอบแบบเลี่ยงไม่ได้ จะไล่คนไข้ออกก็คงจะเกรงใจมั้งนะคะ  แต่แล้วถึงเวลาจ่ายเงินค่าฝากท้องครั้งแรก ค่าเจาะเลือด ค่ายาบำรุง ค่าธรรมเนียมแพทย์ ขอจำที่ค่าธรรมเนียมแพทย์ เกือบสองพันบาทที่โดนคิดเงินมา ปากตัวเองไวก็ถามเจ้าหน้าทีที่เก็บเงินว่า คุณหมอท่านนี้ค่าตรวจแพงอย่างนี้ทุกครั้งไหม เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่นะคะ  ปกติแค่ห้าร้อยบาท แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงคิดเงินถึงสองพันบาท เพราะหมอระบุมาในรายการช่องเก็บเงินเลย  ตัวเองก็เลยถึงบางอ้อ เล่นกันอย่างนี้เลย เจ็บใจจังเลย

และยังไม่อยากจะบอกว่าเจอเรื่องเจาะเลือดที่แล็บโรงพยาบาลนี้อีกเรื่อง เจ็บจนแขนระบม อยากจะโชคดีมั่งคะ ไม่ค่อยมีใครเจอ แต่ตัวเองดันเจอมา เนื่องจากเจ้าหน้าที่แล็บเจาะเลือดไม่ได้ เวลาดึงเลือดเข้าสลิงและเลือดไม่ออกมาเต็มหลอด เจ้าหน้าที่ก็ดันเลือดกลับเข้าร่างกายมาใหม่ และก็ดึงเลือดออกมาอีกครั้ง เมื่อไม่ออกอีกก็ดันเลือดเข้าร่างกายใหม่อีกครั้ง กว่าจะได้เลือดมาตรวจทำแบบนี้อยู่สามครั้ง ลองคิดดูเอาเถอะว่า จะเจ็บหรือไม่ ทำให้ตัวแม่เองเป็นโรคกลัวเจาะเลือดไปโดยปริยายจนถึงปัจจุบันนี้

กลับถึงบ้านมาบ่นกับพ่อลูก ไม่เอาแล้ว ขอเปลียนโรงพยาบาลเลย ขอไม่กลับมาคลอดที่นี่เด็ดขาด

เลยเลือกที่จะคลอดลูกที่โรงพยาบาลวิภาวดี ใกล้บ้าน และขอหมอมือหนึ่งของโรงพยาบาล ค่าคลอดแพงไม่เกี่ยง แต่ขอการดูแลอย่างดีเลิศ เพื่อลูกแม่ ต้องแข็งแรง สมบรูณ์

การดูแลจากคุณหมอดีมากทุกๆเรื่อง ตั้งยาบำรุง การดูแลตัวแม่เองต้องปฎิบัติตนอย่างไร เพื่อลูกที่อยู่ในท้อง อาหารประเภทที่สมควรทาน

จนกระทั่งมาถึงวันที่ 9 เมษายน เมื่อ 19 ปีที่แล้ว จำได้ว่าตัวเองนั่งทำงานอยุู่ที่อ๊อฟฟิต และกำลังเขียนเช็คสั่งจ่ายเงินให้เจ้าหนี้ที่มาเก็บเงินพอดี นั่งอยู่เขียนอยู่ดีๆ ก็มีน้ำไหลเต็มเก้าอี้ แม่เองก็ตกใจ เออ.. น้ำอะไรหนอ ปวดฉิ่งฉ่องก็ไม่ปวด แต่น้ำนองเต็มพื้นเลย จนเจ้าหนี้ก็ตกใจตาม รีบบอกว่าให้ติดต่อโรงพยาบาลด่วน สงสัยจวนจะคลอดแล้ว อ็อฟฟิตเจ้าระหวั่นโกลาหล และเจ้าหนี้ก็บอกว่าจะมาเก็บเงินใหม่วันหลัง เอาคนจะคลอดส่งโรงพยาบาลก่อน ขับรถไปโรงพบาล ไม่ถึงสิบห้านาที ก็ตัวส่งตัวเข้าห้องคลอด

นางพยาบาลก็จัดการทำความสะอาดร่างกายแม่ เพื่อเตรียมคลอด และติดต่อหมอเจ้าของไข้มาด่วน

แม่นอนรอหมอ ตั้งแต่เช้า ตอน ณ.เวลานั้น ก็ยังไม่มีเจ็บท้องอะไร นางพยาบาลจะเข้ามาถามว่ารู้สึกอย่างไรทุกๆสิบห้านาที ปวดปัสสะวะ หรืออุจจาระไหม ไม่เลยทุกครั้งที่เข้ามาถาม นอนรอจวนเย็นประมาณ หกโมงเย็นได้ ก็เริ่มรู้สึกว่าเจ็บท้องครั้งแรกเป็นอย่างไร หนักหน่วงแบบไหน  ปวดเหมือนใครเอาอะไรหนักๆมาที่ท้องน้อย และบางครั้งรู้สึกเหมือนมีใครมาบิดไส้ เจ็บปวดมาก ก็เกือบสองทุ่มเหมือนลูกจะไหลออกมาแล้ว

นางพยาบาลมาแจ้งว่า คุณหมอยังเดินทางมาไม่ถึงโรงพยาบาลเลย ใจเย็นๆนะคะคุณแม่ อดทนหน่อย

แม่นอนบิดตัวไปมาหลายสิบครั้ง เหมือนลูกเตรียมจะไหลมาเองได้ก็คงจะทำ ปวดรอกว่าคุณหมอกว่าจะมาทำคลอดก็เกือบสามทุ่ม และเมื่อได้ยินนางพยาบาลสั่งให้ตั้งขาหยั่งได้ คุณหมอเดินทางมาถึงแล้ว เหมือนเทวดามาช่วยให้ความเจ็บปวด ที่หนักแสนสาหัส นางพยาบาลสั่งให้เบ่ง และก็เบ่งคลอดลูก อยู่ครั้งคราว ด้วยความเป็นคุณแม่มือใหม่ ไม่เข้าใจหรอก ต้องทำอย่างไร นางพยาบาลต้องมากระซิบสอน กลั้นหายใจแบบไหน ออกแรงอย่างไร

เอ้าลองใหม่นะคะคุณหมอเริ่มออกคำสั่งบ้างแล้ว เอ้าเบ่งคะ เบ่ง ...จวนแล้วคุณแม่ หัวโผล่แล้ว

เบ่งอีกคะคุณแม่ เอ้า 1 2 เบ่ง คราวนี้เบ่งแรงๆเลยนะคะ แม่ก็เบ่งแรงสุดฤทธิ์สุดเดช

ก็มีเสียงดังๆ อุ้แว้ อุ้แว้... คุณหมอก็บอกว่า ยินดีด้วยนะคะคุณแม่ ลูกชายคะ แข็งแรงทุกประการ เดี๋ยวให้นางพยาบาลทำความสะอาดก่อนนะคะ เดี๋ยวจะให้มาเชยชมใบหน้า

แป็บเดียว ร่างกายตัวน้อยๆ มือเล็กเรียว ที่ห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูของโรงพยาบาลก็มาโชว์แค่ใบหน้าที่แดงที่มีเลือดฝาดระเรื่อ พร้อมกับนางพบาบาลแจ้ง ชื่อสกุล เวลาเกิดและเพศกับแม่ พร้อมกับแสดงความยินดี ก่อนที่จะส่งตัวลูกเข้าห้องเด็กและเข้าตู้อบ และเป็นวินาทีแรกที่เห็นใบหน้าลูกคนแรกของชีวิตความเป็นแม่มือใหม่ ความเป็นแม่เริ่มต้นแล้วตั้งแต่วินาทีนั้น และเวลาต่อมาแม่เองก็สลบไปเพราะฤทธิ์ยา

เช้าวันรุ่งขึ้นของวันใหม่ นางพยาบาลก็เข็นเตียงเด็ก มาให้มาอุ้ม เพื่อป้อนนมครั้งแรกของวันใหม่ ครั้งแรกที่อุ้มลูกเพื่อดูดนมแม่ ลูกแม่ช่างตัวน้อยไปหมด อ่อนปวกเปียก คออ่อน ลำตัวน้อยๆอ่อนไปหมด แม่ดูคงแก้งก้างไปหมด จนนางพยาบาลต้องสอน อุ้มแบบไหน ป้อนนมลูกแบบไหน เวลาลูกดูดนมจากอกแม่ครั้งแรกสึกว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ ความเป็นแม่ที่สมบรูณ์ก็เมื่อลูกดูดนมแม่ครั้งแรก

กลับมานึกถึงวันเก่าๆที่ผ่านมา 19 ปี เพิ่งได้มานั่งเขียนบันทึก ยังเป็นเวลาที่จดจำได้ดี ว่าความสุขที่มีลูกเป็นอย่างไร ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งลูกที่น่ารักของแม่ แม่ภูมิใจที่เราทั้งคู่ได้มาเป็นแม่ลูกกัน

HaPPy BirthDaY to you
Love you all my heart





2 comments:

  1. อ่านแล้วน้ำตาซึม พูดถึงแม่ลูกผูกพันธ์ วันก่อนดูหนังเรื่อง The passion of the christ เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวประวัติส่วนนึงของพระเจ้าน่ะค่ะ มีตอนช่วงที่พระมารดาของjesusเห็น Jesus ล้มแล้วภาพย้อนไปตอนที่ท่านยังเป็นเด็ก พระมารดารีบเข้ามาอุ้ม แต่ตอนนี้ท่านล้มเพราะถูกทรมาน พระมารดาเข้าไป แต่ไม่สามารถช่วยท่านได้ ได้แต่บอกว่าบอกว่า I'm here ฉากนั้นสะเทือนใจมากเลยค่ะคุณดา มีหลายฉากที่แสดงให้เห็นความรักที่แม่มีต่อลูก

    ReplyDelete
  2. ป้าดาเขียนได้ดีมากเลย เข้าถึงความรู้สีกไปด้วย

    ลูกชาย ดูมุมนี้เหมือนแม่เดะเลยล่ะ เป็นหนุ่มแล้ว สาวๆๆๆ ตรีมๆๆๆ

    ReplyDelete

My photo
ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ ยังมีโมหะ โทสะ โลภ โกรธและหลง เหมือนกับคนอื่นๆ แต่ทุกลมหายใจ ณ.เวลานี้ มีแต่วันนี้และพรุ่งนี้ คิดดี ทำดี และเป็นกัลยาณมิตรที่ดี สร้างกุศลให้ลูกหลาน