หลังจากดาได้เดินกลับมาถึงประเทศไทย ได้อยู่ร่วมกับลูกๆๆ อีกครั้ง ดาได้มีความสุขอีกแบบกลับมา คำว่าครอบครัวแม่ลูก ทุกสิ่งและความทรงจำอเมริกา ดาจะพยายามลืมให้หมดและหมดหวังกับคำว่าชีวิตใหม่แล้ว ลืมเล่าไปว่า ปัญหาที่สรุปไม่ลงตัวซะทีก็คือเรื่องแม็ทเป็นโรคกลัวโดนหลอกขึ้นสมองและโรคเจ้าชายกลัวฝน รู้สึกว่า ถ้าเราจะเดินเรื่องต่อระหว่างเรา ดาต้องผ่านด่านอรหันต์นี้ให้ได้ก่อน เมื่อไหร่ที่แม็ทพร้อม แม็ทคงจะติดต่อกลับมาเองละ ดาก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับลูก กินไป เที่ยวไป ตามประสาคนหาเช้ากินค่ำ แต่แล้วก็มีวันหนึ่งเกิดขึ้นได้ ปกติแม็ทจะโทรมาหาดาทุกวัน ถามสาระทุกข์สุขดิบทั่วไป แต่ก็ได้ยินวันหนึ่งจนได้ว่า เขาพร้อมที่จะเดินทางมาหาดาที่ไทย แม็ทบอกว่า เขานะลางานได้แล้วและทนคิดถึงดาไม่ไหวแล้ว อยากเจอ อยากเห็นหน้า ไชโย วันนั้นก็มาถึงแล้ว ดารีบให้แม็ทจองตั๋วเครื่องบินมาด่วน ในสมองคิดแล้ว ดาจะเอาแม็ทไปเที่ยวไหน กินที่ไหน พักที่ไหน สมองสั่งงานทันทีแหมทำให้นึกถึงคำว่า เสน่ห์หญิงไทย ขึ้นมาคงจะเป็นจริงบ้างนะ.............
และแล้ววันที่แม็ทเดินทางมาไทยครั้งแรกก็มาถึง June 9,2009-July4,2009 ทริบนี้สามสัปดาห์ ดาได้จัดทัวร์พาเที่ยวสถานที่สำคัญหลายที่ พระราชวังวัดพระแก้ว พระที่นั่งวิมานเมฆ พิพิธภัณฑ์ ดูหุ่นละครเล็กอักษรา ทานอาหารโรงแรมดีๆๆ หรูๆๆ เรียกว่าแนะนำสถานที่ให้ต่างชาติเห็นว่า ประเทศไทยเราก็มีดีเหมือนกัน ไม่น้อยหน้าอเมริกาหรอก.........
ทัวร์ต่างจังหวัดก็ไปทัวร์ไหว้พระ 9 วัดที่อยุธยากับแม่ เอาเงินดอลล่าห์เข้าวัดไทยหน่อย ช่วยวัดไทยหาเงินเข้าวัดบ้าง ช่วยกันๆ ต่อจากนั้นก็ทานอาหารเที่ยงที่ร้านริมน้ำเจ้าพระยา ...มีเรื่องเล่าต่อจากร้านริมน้ำเจ้าพระยาที่น่าขำ อเมริกาส่วนใหญ่อาหารจะเป็นอาหารแช่แข็ง ไม่ค่อยได้กินอะไรที่สดๆๆ บังเอิญมื้อนั้น ดาสั่งกุ้งแม่น้ำเผาสัก 4 ตัวแต่เรามากัน 3 คน คือ แม็ท ดา และแม่ น่าขำที่อเมริกันแม็ท ถามแบบสุภาพ ว่าคุณต้องการทานไหมในส่วนที่เป็นของเรา ถามย้ำแล้วย้ำอีก จนแม่แบบบอกว่า สงสัยแม็ทอยากจะทานมั้ง ตกลงสรุป กุ้งเผาจานนั้น เรายกให้แม็ททานหมดทั้งจาน น่ารักจริงๆแม่เรา แม่บอกว่าพวกเรากินเมื่อไหร่ก็ได้ให้แม็ททานเถอะ......................
ทัวร์ต่างจังหวัดยังไม่หมดนะเนี่ย จำได้ว่าดาพาไปที่ชะอำกินข้าวเที่ยงที่ชายทะเล และดาต้องติดต่อเรื่องงานเสร็จแล้วก็กลับเข้ากรุงเทพเลยไม่ได้พาเที่ยวอะไรมากที่นั่น อีกวันรุ่งขึ้นพาทัวร์พัทยา ดูทิฟานี่โชว์ สวนเสือศรีราชาและคราวนี้ถึงคราวลูกๆๆออกโรงทริบร่วมกันสี่คนแม่ลูกและแม็ท เสียดายที่ทริบนี้ลูกชายคนโตมาร่วมไม่ได้เนื่องจากลูกติดเรียน นั้นก็ไปกันแค่นี้เอง ทริบนี้ก็มีเรื่องเล่าอีก มารู้จักคำว่า "Just water" เนื่องจากเราเที่ยวทะเล ก็ต้องมีบ้างนะที่ต้องการถ่ายรูปคู่กับทะเล และคำว่า Pattaya เป็นที่ระลึก หลายๆคนก็คงจะทำอย่างนั้นกันเนอะ แต่ยกเว้นรายนี้คะ มีแม็ทคนเดียวเท่านั้น ดาก็เรียก แม็ท ยูมาตรงนี้สิ ดาจะถ่ายรูปให้ แม็ทรีบตอบว่า "Just water" จะถ่ายทำไมก็เหมือนที่บ้านเค้า หมายถึงอเมริกานะ ลูกๆๆขำกลิ้งเลย เออ..ถ้าคิดกันเหมือนกันหมดทุกคน สงสารทัวร์ขายไม่ออกแน่ Just water..............
ตายละทำไมถึงมีเรื่องเผาชายคนนี้อีกละเนี่ย..แม็ทได้ฉายาใหม่จากทริปนี้ นาย Monky Leg เนื่องจากขากลับ เราต้องขับรถผ่านบางแสน ดาเลยแวะพักทานข้าวที่ร้านอร่อยวังมุข ร้านโปรดของเรา ผ่านเมื่อต้องขอแวะทานทุกครั้ง อิ่มท้องอร่อยกันทุกคน ก็ได้เวลาพาทัวร์ต่อไหว้พระที่ศาลแม่กวนอิม ใครเคยแวะคงทราบแถวบริเวณนั้น จะมีลิง ออกหากิน ตามข้างถนน แม็ทพูดเองเลยว่า "ทำไมขาลิงเหมือนขาเค้า" ทำให้ลูกๆเรียกแม็ทว่า นาย Monky Leg ฮากันทั้งรถ แม็ทใจดีจังก็ไม่โกรษกลับชอบ หัวเราะกันลั่นรถเลย............
และก็มีเพื่อนจองตัวพาเที่ยว ต้อนรับแม็ทที่มาเที่ยวไทย พอดีพี่ชายเพื่อนนะมีโฮมเสตย์ที่อัมพวา เราเลยตกลงกันว่า ไปนอนค้างคืนและเที่ยวตลาดอัมพวากัน ทริปนี้มีสมาชิกมีลูกสาวอีกเช่นเคย ขาดลูกชายอีกแล้ว ลูกชายติดเรียนรด. และบ้านเพื่อน เรื่องเที่ยวตลาดอัมพวา คงไม่ต้องเล่ามั้ง คงจะจินตนากันออกว่า สนุกกันมากแบบไหน เราเดินกิน ซื้อทุกอย่างที่ผ่านหน้าของตลาดน้ำอัมพวา น่าตื่นเต้นกับช็อบของแฮนเมด แม็ทสนุกมากถ่ายทุกช็อตแหมกระทั่งหมาว่ายน้ำ (ฝรั่งไม่เคยเห็นมั้ง) ต่อด้วยล่องเรือชมหิ่งห้อย(อันนี้หน้าแตกมาก ไม่เจอหิ่งห้อยเลย เนื่องจากฟ้าสว่างมากเลยไม่เห็น) ทุกคนเหนื่อยก็กลับที่พักโฮมเสตย์ เช้ามีนัดใส่บาตรพระเช้า ที่พระเดินบิณฑบาตผ่านหน้าโฮมเสตย์ กิจกรรมอันนี้ ขอแนะนำเลยว่าดีมาก ช่วยสอนกิจกรรมนี้ให้ต่างชาติรู้จักกับวัฒนธรรมไทยบ้านเราด้วย ดาสอนวิธีการใส่บาตรที่ถูกต้องต้องถอดรองเท้าใส่บาตร ใส่บาตรด้วยข้าว กับข้าวและขนม ตามด้วยดอกไม้ จากนั้นเสร็จแล้วก็ให้กรวดน้ำแพร่เมตตา ดาอธิบายเราทำเพื่ออะไร(มาทราบภายหลังแม็ทชอบมาก แม็ทมาเล่าให้ทางมัมมี่และครอบครัวฟังหมด ภูมิใจมากกับวัฒนธรรมไทย)...ยังไม่จบทัวร์ที่นี่เลย มารู้จักคำว่า Eat on street เนื่องจากเราตะลอนทัวร์ทั้งวันก็มาถึงมื้อเย็นก่อนกลับเข้ากรุงเทพ เพื่อนอยากจะเลี้ยงอาหาร ดาบอกว่า เรากินอะไรดีๆๆ มาหลายอย่างแล้ว คราวนี้ อยากกินแบบติดดินบ้างละ เพื่อนบอกว่า นั้นเดี๋ยวจัดให้ พาคณะไปกินร้านข้าวต้มข้างทาง ร้านยังไม่โต๊ะกับเก้าอี้อะไรเลย เนื่องจากยังหัวค่ำตุ่ยๆๆ แจ้งจำนวนคนกิน แป็บเดียวทางร้านก็ลากโต๊ะ เก้าอี้ มากางกับข้างถนนให้ เท่านั้น แม็ทรีบสะกิด และถามว่า Can we eat on the street..Are you sure..Here is so hot!!! เท่านั้นละ ดาจัดให้ Sure!! We can eat here..Try on to eat!! ดาบอกเพื่อนว่า แม็ทถามว่าแน่ใจนะกินที่นี่ได้ เป็นงัยละ ฝรั่งไม่เคยกินข้างถนน สั่งอาหารอะไรมาก็หมดทุกจาน ทานไปพยักหน้าไป บอกว่า อร่อยหมด....เออละหนาอิ่มแล้ว ก็บายเพื่อนขับรถกลับเข้ากรุงเทพ......
ทริบทัวร์สุดท้ายก่อนส่งแม็ทกลับอเมริกา คราวนี้กินดินเนอร์ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ชมวิวสองฝั่งริมน้ำ คราวนี้มีสมาชิกเพิ่มอีกคนคือลูกชาย ลูกสาว แม็ทและดา ครบหน้าครบตากันซะที ทริบนี้ต้องเล่าความซ่าส์ของลูกสาวตัวเล็ก เนื่องแม็ทติดดื่มไวน์ ตัวเล็กเห็นแล้วอยากลอง หันมาบอกแม่เค้าอยากดื่มบ้างได้ไหม ดาตอบทันทีว่า ได้ ดาคิดว่าอยู่ในสายตาเราดีกว่า จะห้ามปรามอะไร ดาจัดการให้ตัวเล็กดื่ม เป็นงัยละคะ ตัวเล็กพุดอังกฤษเก่งขึ้นทันตา จากไม่กล้า ได้ไวน์แก้วเดียวเล่นพูดไม่หยุด จนพี่ๆแซวน้องกัน เป็นเรื่องฮา และแล้วก็จบทริบสามอาทิตย์ที่ไทยครั้งแรกของแม็ท......
มีข่าวดีก่อนกลับอเมริกา แม็ทบอกว่าเค้าพร้อมแล้วที่จะแต่งงานด้วย ให้ยื่นเรื่องขอวีซ่าคู่หมั้นได้เลยนะ แล้วแม็ทจะส่งเอกสารมาให้ทันทีที่ถึงอเมริกา..**v**
ชีวิตผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ผกผันจากคนที่ไม่เคยคิดจะต้องมาเริ่มต้น หรือค้นหาสิ่งใหม่ให้กับบั้นปลายชีวิตในต่างแดนประเทศสหรัฐอเมริกา ดินแดนที่แตกต่างทั้งวัฒนธรรม อาหารการกิน การอยู่ ดินแดนไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของเรา ต้องเสียสละทุกสิ่งที่เคยมี และต้องเริ่มเรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆจากศูนย์ ณ. เมือง Havertown Pennsylvania USA
Tuesday, August 16, 2011
Subscribe to:
Post Comments (Atom)

- DaDaLove
- ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ ยังมีโมหะ โทสะ โลภ โกรธและหลง เหมือนกับคนอื่นๆ แต่ทุกลมหายใจ ณ.เวลานี้ มีแต่วันนี้และพรุ่งนี้ คิดดี ทำดี และเป็นกัลยาณมิตรที่ดี สร้างกุศลให้ลูกหลาน
อ่านไป ยิ้มไป บางตอนคุณดาเขียนตลกดี อิอิ อ่านถึงล่องเรือชมแม่น้ำแล้วนึกถึงตัวเองค่ะคุณดา เพื่อนยุจัดการทริปนี้ให้ พอกลับที่พัก แฟนยุบอกให้จองอีกที อยากชมแบบเต็มๆ เพราะคืนนั้นเกร็งคุณเพื่อนที่นั่งไปด้วย ดูวิวไม่เต็มตา
ReplyDeleteแฟนคุณดากลัวร้อนเวลากินข้าวข้างทางเหมือนกันเลย บ้านเราเวลาร้อนมันเหนอะหนะอ่ะเนอะไม่สบายตัว ที่นี่ร้อนแต่ไม่เหนียวตัว แต่แฟนยุกลัวท้องเสียด้วยแหละแต่ไม่กล้าพูดตรงๆ แต่ข้าวเหนียวหมูย่าง ไก่ย่างรถเข็นข้างทางนะ สู้ค่ะ อยากกินใจจะขาด ไม่กลัวจู๊ดๆ ฮ่าๆ