ดาได้รับอีเมล์จากสถานทูตแจ้งวันและเวลาสัมภาษณ์ในตอนเช้า พอสายๆจะได้รับทางโทรศัพท์แจ้งการยืนยันวันและเวลาสัมภาษณ์ พร้อมกับแจ้งให้มายื่นเอกสารก่อนเวลา 07.00น.
October 7,2010 time 13.00pm วันนัดสัมภาษณ์
เวลา 06.45น. นัดรับเอกสารจากบริษัท พอเข้าแถวแป็บเดียวก็มีเจ้าหน้ามาถามสัมภาษณ์วีซ่าอะไร เค1 คะ เจ้าหน้าที่พาไปที่ประตูกลางเพื่อรอเข้าก่อน ฝากมือถือ กล้อง สายหูฟังและร่มกับเจ้าที่ก่อน ตรวจกระเป๋าถือ ถุงเอกสารต่างๆ โดยการผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ จากนั้นเดินเข้าไปที่ห้องรอสัมภาษณ์ได้เลย
07.10 น.จากนั้นเข้าแถวรอเจ้าที่ออกมารับเอกสารที่ช่องหมายเลขที่ 4 เพื่อตรวจสอบเอกสารทั้งหมดที่เตรียมมายื่นและขาดจะขอเพิ่ม เอกสารใบไหนที่ต้องใช้ตัวจริงหรือสำเนา ส่วนตัวเองตอบไม่ค่อยได้ และนี่คือข้อเสียที่เราไม่ได้ทำเองตั้งแต่แรก เลยไม่ทราบว่ามีอะไรบ้าง และไม่ได้มีเวลาตรวจสอบเอกสารก่อนว่ามีอะไรบ้าง พร้อมแจ้งว่าให้กลับไปก่อนและกลับเข้ามาใหม่ในเวลา 12.30 น.
เวลา 07.30-12.00 น. ฟรีไทม์ ดาตัดสินใจข้ามไปนั่งรอที่ร้านกาแฟที่ตึกสินธร เครียดนิดหน่อยเลยไม่ได้กินข้าว เออว่ากินไม่ลงนะแต่จริงๆก็หิวนะ
เวลา 12.10 น. กลัมมาที่สถานฑูต เพื่อรอสัมภาษณ์ แต่ยังมีเพื่อนชะตาเดียวกันอีก 4 คน เลยไม่เหงาเท่าไร
เวลา 13.45 น. เรียกสัมภาษณ์ที่ช่องหมายเลขที่ 6 สาวฝรั่งสวยแต่ไม่เคยยิ้มเลย ให้สแกนนิ้วมือ และสาบานตนว่าจะพูดแต่ความจริง..Yes i do..
คำถามแรก...ถูกตำหนิเรื่องการสมัครวีซ่าท่องเที่ยวแก่บุตรและพามาสัมภาษณ์เมื่อ September 26,2010 (ผลการสัมภาษณ์วันนั้น ก็ไม่ผ่านโดยท่านกงสุลให้บุตรเดินทางด้วยวีซ่าเค2 ก่อน ถ้าไปถึงแล้วไม่อยากที่จะอยู่ก็จะเปลี่ยนเป็นวีซ่าท่องเที่ยวให้ โดยมีอายุ 1 ปี)(ต้องขออธิบายต่อว่าทางบริษัทสมัครยื่นวีซ่าท่องเที่ยวให้ใหม่ เป็นNov 10,2010 เนื่องจากบุตรของพี่เดินทางไปด้วยเค2 ตอนนี้ไม่ได้ติดเรื่องที่เรียนในประเทศไทย) และเรื่องนี้พยายามอธิบายกับท่านกงสุล แต่เอกสารใบสมัครเค1ชุดนี้ทางบริษัททนายกรอกเป็นสมัครเค 2 แก่บุตรด้วย...โดนด่ายับเลยเรา..ดาพยายามชี้แจงว่า..ใบสมัครครั้งนั้นเราต้องการ เค2 ให้กับบุตร แต่ไม่ทราบว่ากระบวนการใช้เวลาการสมัครวีซ่าใช้เวลานานมากขนาดนี้(ปีกว่าแล้ว) โอ้ยเหนื่อยๆๆๆๆ
คำถามที่ 2-12 เป็นคำถามทั่วไป... ..แฟนชื่ออะไร นามสกุลอะไร สะกดอย่างไร นามสกุลออกเสียงอย่างไร เกิดวันที่เท่าไร ทำงานที่ไหน -เมื่อไร เจอกันที่ไหนอย่างไร ติดต่อกันทางไหน บ่อยแค่ไหน เวลาอะไร โชว์บิลค่าโทรศัพท์ให้ดูด้วย ใครในรูปนี้ ถ่ายกันที่ไหน
คำถามสุดหิน...วันที่คุณเดินทางกลับจากอเมริกาทำไมคุณถึงมีเงิน XX พันกว่าเหรียญ..ว๊าวโอ้แม่เจ้าตกใจสุดขีด..คำถามนี้มาได้อย่างไร...ตั้งสติตอบว่า เงินส่วนใหญ่ได้จากแฟนมอบให้ในวันที่เดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อมาใช้ระหว่างที่อยู่ไทย
แต่ท่านกงสุลตอบว่า ยูโกหก..โอโน..ดาตอบกลับว่า ไม่..ไอไม่เคยโกหก..ท่านบอกว่ามันมีอยู่ในเครื่องคอมและนามบัตรมาจากไหน ดาตอบว่าไปทานข้าวกับแฟน ท่านกงสุลบอกว่าเขาไม่เชื่อ แล้วเราจะตอบอย่างไรดีในเมื่อเราพูดความจริงแล้วท่านไม่เชื่อ อธิบายก็ไม่ยอมฟังและยังหาว่าเราเถียงกับข้อความในคอมพิวเตอร์ ดาเลยต้องสงบปากสงบคำ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี พร้อมกระนั้นท่านก็ส่งเอกสารที่สำคัญคืนมาให้ พร้อมกับพาสปอร์ต ดารู้ทันทีว่าเราไม่ได้รับวีซ่าแน่นอนเลย แต่ยังไม่ท่านพูดภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็วและออกนอกไมด์ ฟังไม่ออกเลยว่าท่านว่าอย่างไร ยอมรับว่าเบลอๆๆเหมือนกัน พร้อมส่งเอกสารให้หนึ่งชิ้นสีชมพู พร้อมข้อความว่า
Your case requires future investigation regarding the legitimacy of your relation and the various inconsistencies in the documents you have provided and the forms you have complete. We will contact you when have concluded the investigation. Please feel free to email us at the below email if you have any question and concerns.
หลังจากนั้นรีบโทรแจ้งผลสัมภาษณ์กับทางบริษัท เล่าให้ฟังทุกคำถามและคำตอบ น้องเขาน่ารักมากเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ จนนั่งรถมาถึงหน้าตึกของบริษัท จึ่งได้ยินทวงค่าบริการครั้งสุดท้าย ที่ดายังไม่จ่าย ให้เข้ามาจ่ายด้วย แต่ยังไม่ได้ยินวิธีแก้ไขปัญหาให้ ขาเราเลยหยุดโอโตเมตริกอยู่ที่หน้าตึกของออฟฟิตน้อง เลยบอกว่า ดาปวดหัวและหิวมากด้วย จะเข้ามาจ่ายให้วันพรุ่งนี้ แต่จริงๆๆดาก็หิวมากด้วย.. นั่งรถถึงบ้าน.. เจอลูกถามถึงผลการสัมภาษณ์ บอกลูกว่าแม่ไม่ได้วีซ่า ลูกเข้ามากอดและบอกว่าอย่าเสียใจเลยแม่ อยู่กับลูกก็ได้...ดามีกำลังใจขึ้นหน่อย..แต่วันนี้ก็เป็นวันที่สุดหินและเศร้าใจสุดๆๆ ลาก่อนนะ October 7,2010 วันที่น่าจดจำไปนานอีกแสนนาน
No comments:
Post a Comment