ดาขอเล่าเรื่องราวต่อเลยหลังจากที่ได้รับวีซ่าคู่หมั้นแล้ว ดาเองก็ติดต่อแจ้งผลกับแม็ทให้ทราบ ทุกคนยินดีมาก และเราก็คุยกันต่อว่าจะเดินทางไปอเมริกากันอีกครั้ง พร้อมกับกำหนดวันเรื่องแต่งงานของเรา วันไหน ที่ไหนอีกครั้ง พร้อมกับได้ฤกษ์ยามงามดี Nov23,2010 เดินทางไปอเมริกาอีกครั้ง ดาเตรียมตัวช่วงสุดท้าย โทรลาเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องทั้งหลาย ใช้เวลาที่มีค่าที่สุดที่ได้อยู่กับลูกก่อนอำลากัน เพื่อนดาก็อาสาจะขับรถมาส่งที่สนามบินเรียบร้อยแล้วกำหนดเวลา และสถานที่กันเรียบร้อย เก็บกระเป๋าพร้อม เอกสารพร้อม ตรวจทานทุกอย่างพร้อม (ลืมบอกไปว่าจองตั๋วเครื่องบิน Bristis Airine (one way)ในระยะสั้นเนี่ย แพงโครต แต่ก็ยอมจ่ายเพื่อต้องมาด่วน) และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเหมือนสายฟ้าฟาด เปรี้ยง ใส่ที่สมองปริ๊ดแตก....
Nov22,2010 เวลา08.00 น.เป็นเวลาที่แม็ทจะโทรมาหาตามปกติเหมือนเช่นทุกวันและบอกว่ารักทุกวัน แต่คำกล่าววันนี้มาแปลกจิตมาก เปิดประเด็นเรื่องลูกอีกครั้ง ดาเริ่มที่สงสัยว่า แม็ทต้องการจะสื่ออะไร
Hi..How are you......Are you sure you want to come over here. I know you love your kids if you want to take care your kids.I'm OK. I understand this point.
You should live in thailand and take care your kids.Your kids need you. You cann't come back Thailand 2 years.It's long time.Your kids need you.I will come visit you on my vacation.Do you want to looking for the other man....
Da: For this minute, i will conflim to travel tonight.The plan don't change yet.If you want to make sure.I will talk with my kids agian in this evening. After talked with my kids i will tell you later. I explain about K1 visa if i didn't going this time .It's mean i can't to see you again forever.Do you understand..matt
หลังจากวางสายไปแล้ว กลับมาพิจารณาอีกครั้ง เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย จะทำอย่างไรดี ทุุกอย่างเตรียมพร้อมที่จะเดินทางแล้ว กระเป๋า สิ่งของ เสื้อผ้า แหวนแต่งงาน ชุดใส่วันงาน ของชำร่วย โอ๊ยอยากจะบ้าตายชีวิตฉัน
ตามหมายกำหนดการเดินทางเดิม Nov23,2010 สายการบิน BA10 Flifgt time 00.10-05.55 (BKK-LHR) และดาต้องเดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ Check in time 10.00 p.m. on Nov22,2010
แสดงว่าดามีเวลาเหลือที่ต้องตัดสินใจเหตุการณ์วันนี้ เพียง 14 ชั่วโมง (เวลาตอนนี้ 11.00 น.และเวลาอเมริกา 5 ทุ่ม) ดาตัดสินใจโทรกลับมาใหม่เพื่อที่ต้องการจะคุยใหม่อีกครั้ง แต่แม็ทไม่รับสาย ดาพยายามคิดบวก และเข้าข้างตัวเองให้มากที่สุด แม็ทคงจะหลับไปมั้ง แม็ทหลับอยุู่.......
เวลา 11.00-16.00 น. พิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้นอีก ทำไมแม็ทมาบอกเอาดื้อๆในเวลาสุดท้ายอย่างนี้ หรือว่าโรคเจ้าชายกลัวฝนกำเริบอีกแล้วเหรอ.....
ที่กล่าวยังงี้ ต้องขอย้อนกลับที่สมัยที่อยู่อเมริกา แม็ทนะเป็นหนุ่มโสดจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยแต่งงาน มีผู้หญิงมาจีบก็เยอะ แต่ไม่เล่นด้วยเนื่องจากแม็ทวางแผนว่าจะครองโสดยังแก่ตาย ดันมาเจอนางฟ้าลูกสามอย่างดา เลยเปลี่ยนใจที่อยากจะมีคู่กับเค้าบ้าง อยู่มาวันหนึ่งก็มาหาที่บ้านพี่สาวคนไทยใจดี บอกกับเราว่าเค้าพร้อมที่จะแต่งงานกับดาด้วย เพียงแค่ไปจดทะเบียนและ Peace อย่างเดียวนะ ดาตอบตกลง เราทั้งคู่ก็เริ่มดำเนินการติดต่อหาสถานที่เพื่อทำการ Peace หาแหวนแต่งงานตามห้างร้านต่างๆ ไปที่คอร์ดยื่นเรื่องแต่งงาน ติดต่อจ้างทนายฝรั่งเพื่อยื่นวีซ่าแต่งงานให้ มีกิจกรรมอะไรอีกมากมายที่ต้องทำร่วมและเตรียมการ... จนมาเจอเหตุการณ์ข้ามคืนเพียงไม่กี่ชั่วโมง.... แม็ทก็มาหาที่บ้านแต่เช้ามาบอกยกเลิกสัญญาที่ให้ว่าจะแต่งงานด้วย อ้างว่ามัมมี่ไม่อนุญาติให้แต่งงาน ดานะนอนร้องไห้ทั้งคืนจนตาบวม ช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดฝันอย่างมากมาย เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ห่างกันแม็ทก็สามารถมาบอกยกเลิกสัญญากันได้..... แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่คาใจดา ถ้าเราไม่เคลีย์ ดาตัดสินใจโทรนัดขอคุยกับมัมมี่.. กับเรื่องที่แม็ทอ้างถึง..มัมมี่แจงว่า มัมมี่สนับสนุนให้แต่งงานกัน แต่มัมมี่คิดว่าต้องการให้มีเวลาเรียนรู้กันมากขึ้น เสนอให้ดากลับเมืองไทยก่อน และให้แม็ททำวีซ่าคู่หมั้นมาแต่งใหม่อีกครั้ง นั้นทุกอย่างที่เตรียมไว้คราวนี้ก็ต้องยกเลิกหมด เช่นเดียวกันชีวิตครั้งแรกในอเมริกา
และวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตดาอีกละ โรคเก่ากำเริบอีกแล้วเหรอ มาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องมาหักกลางคันอีกครั้งใช่ไหม.......
เวลา 16.15 น. คุยกับลูกอีกครั้ง เรื่องที่แม่ต้องเดินทางไปอเมริกา ลูกอนุญาตให้ไปแต่โดยดี
เวลา 17.00 น. โทรไปบอกแม็ทว่าลุกอนุญาตให้ไป น้ำเสียงแม็ทรับฟังเฉยๆๆ ไม่ถามอะไรมากมาย ดาเลยแกล้งบอกว่า ดาจะไม่เดินทางไปหรอกนะคืนนี้ ไม่มีการง้อให้ดาเดินทางมาหาเขาเลย มีแต่บอกว่า ไอเลิฟยู ไม่พูดไม่คุยเพิ่ม ดาเลยขอโทษที่โทรมารบกวนและขอวางสาย จากนั้น ดาก็รอ และรอให้แม็ทโทรมาง้อ ซึ่งปกติแล้วแม็ทจะโทรมาง้อเสมอ แต่วันนี้เงียบสนิท ดายังมีเวลาเหลืออีก 5 ชั่วโมงสำหรับเดินทาง ทุกนาทีที่เวลาเดิน ดานั่งจ้องแต่โทรศัพท์... แต่ไม่มีปาติหารย์เกิดขึ้น.... ทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบจากเสียงกริ่งโทรศัพท์ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ดาจะดันทุลังไปเพื่ออะไร ส่วนเพื่อนสนิทก็รอคำตอบว่าจะเอาอย่างไร และสนับสนุนให้เดินมาให้เห็นแจ้ง และคุยกันด้วยตัวเองเลย คือลุย แต่ใจดาท้อแท้แล้ว หมดแรงที่จะสู้ เคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่งและคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน บอกเพื่อนสนิทว่าไม่ต้องแล้วละ ดาไม่เดินทางแล้ว ขอยกเลิกเดินทาง Nov 23,2010
นอนร้องไห้ทั้งคืนเมื่อคนเดียว แต่เวลาอยู่ใกล้ลูก ต้องสะกดน้ำตาไว้อยู่ภายในเบ้าตา ห้ามน้ำตาไหลออกมา แม่ต้องเข้มแข็ง ไม่อ่อนแอต่อหน้าลูก จำได้ว่าคืนนั้นเป็นคืนที่ยากต่อการนอนหลับต้องเพิ่งยา เป็นตัวช่วย
รออ่านต่อค่ะคุณดา
ReplyDelete