อยากจะบอกกับเพื่อนๆๆ หรืออีกหลายคนที่กำลังตัดสินใจจะจ้างทนาย หรือดำเนินการยื่นขอวีซ่าคู่หมั้น ให้พิจารณาว่า เคสเรามีปัญหาด้านนี้ไหม เช่น เคยมีประวัติติดยา หรือค้ายาเสพติด อยู่เกินวีซ่า หรืออยู่ผิดประเภทวีซ่า ที่กล่าวมาทั้งหมด มีความเป็นที่ต้องใช้ทนาย แต่ถ้าเรามีประวัติที่ดี ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องใช้ทนาย เราสามารถยื่นเรื่องขอเองได้ ไม่ต้องเสียเงินไปจ้างทนายหน้าไหนทั้งสิ้น
เอาละกับมาที่เรื่องของดา ดาตัดใจเลือกใจบริการทนาย เพราะเหตุุผลที่คิดว่า การใช้บริการทนายสามารถช่วยทำให้เคสดา ดำเนินการได้รวดเร็วกว่าดำเนินการเองและไม่มีเวลาทำเองเนื่องจากติดทำงานปประจำอยู่ และดามีความต้องการอยากเดินทางมาอเมริกา ภายใน 4-6 เดือนข้างหน้า และต้องการใช้สิทธิ์เรื่องเรียนสำหรับลูก ดายอมจ่ายค่าทนายยื่นเรื่องขอวีซ่าคู่หมั้น 50000 และลูกคนละ 15000 มีลูกสามคน รวมเคสดาทั้งสิ้น 95000 บาท วันทำสัญญา ทนายจะให้เราจ่ายมัดจำ 50% และชำระส่วนที่เหลืออีกครั้งในวันที่เรียกสัมภาษณ์วีซ่า...อยากจะบอกว่าคิดผิดมากที่เลือกใช้บริการทนายคนไทย ตอนนั้นดาไม่มีประสบการณ์และไม่รู้จักใครเป็นพิเศษ ดาเสริชหาบริษัทรับทำวีซ่าจากทางอินเตอร์เน็ต พิจารณาที่รูปเพทสวยงาม มีตัวอย่างคนเคยทำที่บริษัท ยอมรับว่าดูน่าเชื่อถือมาก การแต่งกายของทนายวันนัดเจอทำสัญญาดูดี สอาด ใส่สูทหล่อเหลาเอาการ พูดจาดีมีหลักการ สถานที่อยู่ในทำเลที่ดี(อโศก) แต่ที่สำคัญทนายรายนี้รับปากว่าเคสดา เค้าสามารถช่วยดำเนินการให้ดาได้รวดเร็ว ไม่น่าเกินสี่เดือน เนื่องจากดูและพิจารณาเอกสารต่างๆๆ ที่มีอยุู่ ดาไม่มีปัญหาอะไรเลย เอาละตรงกับความต้องการของดาที่อยากได้ แต่ดาก็หาบริษัททนายฝรั่งเพื่อเปรียบเทียบ ทางนั้นจะตอบว่า เค้าไม่สามารถรับปากได้ว่า จะเป็นเมื่อไหร่ (เรื่องนี้คือเรื่องจริงคะ เจอกับตัวเองแล้วถึงจะทราบว่า ไม่สามารถกำหนดได้ว่าเมื่อไหร่) ดาเลยตัดสินใจใช้บริการกับบริษัททนายไทย จ่ายเงินสัญญาทำวันแรก 47500 บาท สบายใจ ตัวเบากลับบ้าน...
เรื่องไม่จบเพียงแค่นี้หรอกคะ กว่าจะมารู้ว่าเป็นทนายเทียมก็เรื่องผ่านไปเกือบสามเดือนแล้ว เรื่องดา ยังอยู่ในขั้นเตรียมส่งเอกสาร กรอกแบบฟร์อมยังไม่เรียบร้อยเลย ถามอะไรก็ขอเวลาตอบกลับ ตอบและอธิบายทันทีไม่ได้ นั่นละดาต้องวีนถามจริงๆเถอะ คุณเป็นใครกันแน่ จนทนายเทียมยอมรับว่าเค้าไม่ใช่ทนายแท้ แต่รูปทนายที่แขวนข้างผนังห้องประชุมเป็นของเพื่อนเรียนกันแต่คนละคณะ งัยละงานเข้า ดาดันลาออกจากที่ทำเพื่อเตรียมตัวรอไปอเมริกา กรรมจริงๆ คำเตือนอย่าหลงเชื่อใครๆง่ายที่การแต่งตัวดี ของแบบนี้สร้างภาพกันได้ แต่ส่วนตัวมองลักษณะทนายเทียมน่าจะซื่อดี ไม่หลุกหลิกเวลาคุยด้วย เนี่ยขนาดมองหลายด้านแล้วยังพลาด ขอเตือนอีกเรื่อง ถ้าใครมีความจำเป็นต้องใช้ทนายขอให้ใช้ทนายอเมริกันเลยดีที่สุด... เจอเด้งที่สอง ดาเสียเวลากับบริษัทนานมากเวลาผ่านไปเกือบ 5 เดือน กว่าจะส่งเอกสาร Packet 1(July 20,2009-Nov 7,2009) แถมเจอ NOA1 เพราะกรอกเอกสารผิด ให้กรอกเอกสารกลับไปให้ใหม่ และต้องส่งกลับมาที่อเมริกาอีก นานโลด วิกฤตเจออีกมากมายเล่าสิบปีก็ไม่จบ เก็บไว้จะมาเล่าใหม่นะคะ
ชีวิตผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ผกผันจากคนที่ไม่เคยคิดจะต้องมาเริ่มต้น หรือค้นหาสิ่งใหม่ให้กับบั้นปลายชีวิตในต่างแดนประเทศสหรัฐอเมริกา ดินแดนที่แตกต่างทั้งวัฒนธรรม อาหารการกิน การอยู่ ดินแดนไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของเรา ต้องเสียสละทุกสิ่งที่เคยมี และต้องเริ่มเรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆจากศูนย์ ณ. เมือง Havertown Pennsylvania USA
Tuesday, August 16, 2011
Subscribe to:
Post Comments (Atom)

- DaDaLove
- ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ ยังมีโมหะ โทสะ โลภ โกรธและหลง เหมือนกับคนอื่นๆ แต่ทุกลมหายใจ ณ.เวลานี้ มีแต่วันนี้และพรุ่งนี้ คิดดี ทำดี และเป็นกัลยาณมิตรที่ดี สร้างกุศลให้ลูกหลาน
ทนายปลอมๆ เอาเงินไปไม่ใช่น้อยๆเลย แบบนี้ ต้องจัดการค่ะ
ReplyDelete